นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) กล่าวว่า ในไตรมาส 2 เห็นได้ชัดว่าธุรกิจสื่อและบันเทิงฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากไตรมาสก่อน ซึ่งมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ทั้งการยกระดับคอนเทนต์รายการข่าว รวมถึงการปรับโครงสร้างการบริหารการขายสื่อโฆษณาทุกประเภทภายใต้หน่วยงานขายกลาง และรายได้การจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์สู่ OTT Platform ที่เพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากกิจกรรม คอนเสิร์ตและอีเวนท์เติบโตจากคอนเสิร์ตใหญ่และอีเวนท์ที่จัดได้เป็นปกติ ส่วนธุรกิจคอมเมิร์ซ ?ยูไลฟ์? ภายใต้ อาร์เอส คอนเน็ค ได้ปรับตัวเข้าสู่โมเดลธุรกิจ Subscription และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยสามารถสร้างรายได้มากกว่า 80% ของรายได้รวม สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของธุรกิจ ในขณะที่ RS LiveWell มีการสร้างแบรนด์และสินค้าใหม่ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่วน RS Mall มีการเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ จึงทำให้รายได้รวมของ อาร์เอส กรุ๊ป ในไตรมาส 2 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน RS เผยว่า รายได้รวมจากการขายและบริการสำหรับไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน โดยมาจากรายได้ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 630 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 50% ส่วนธุรกิจคอมเมิร์ซรายได้รวมอยู่ที่ 335 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากการปรับกลยุทธ์และโครงสร้างการทำงาน
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นรวมเท่ากับ 537 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้ของธุรกิจขายตรง RS Connect ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 รวมกับรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และการควบคุมต้นทุนคอนเทนต์สื่อที่มีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรสุทธิรวม 93 ล้านบาท หรือเติบโต 885% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์
อย่างไรก็ตามทำให้มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 66 ธุรกิจของ อาร์เอส กรุ๊ป จะเติบโตอย่างชัดเจน สร้างรายได้จากโอกาสและธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งจะสะท้อนภาพความแข็งแกร่งและศักยภาพทีมงานของ อาร์เอส กรุ๊ป ทั้งในฝั่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และคอมเมิร์ซ
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง อาร์เอส กรุ๊ป มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาทั้งฝั่งธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และคอมเมิร์ซ ดังนี้
ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์
- RS Music จะมีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ อาทิ COOLfahrenheit ร่วมกับ อำพลฟูดส์ Present "Kamikaze party reunion 2023" และมิวสิค เฟสติวัล ด้านธุรกิจเพลง ก็เร่งสร้างการเติบโตจากการผลิตผลงานเพลงใหม่ เพื่อสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งทางออนไลน์, ออฟไลน์, brand engagement และสร้างการเติบโตผ่านความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยพาร์ทเนอร์ในประเทศร่วมกับ แกรมมี่ ผ่าน JV Across the universe เพื่อการจัดคอนเสิร์ตร่วมกันของทั้งสองค่ายเพลง โดยจะจัดอีก 2 คอนเสิร์ต คือ 2K Celebration และ HIT100 และพาร์ทเนอร์ต่างประเทศร่วมกับ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป ผ่าน New JV เพื่อการบริหารลิขสิทธิ์เพลงเก่าของอาร์เอสที่มีมากกว่า 13,000 เพลง และใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีในการบริหารลิขสิทธิ์เพลงใหม่ของอาร์เอสบนช่องทางออนไลน์ และต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคต
- RS Multimedia เดิมดำเนินการโดยช่อง 8 เป็นหลัก ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในการดำเนินงานและการสร้างสรรค์คอนเทนต์ จึงมีการจัดโครงสร้างใหม่ เพื่อให้แต่ละธุรกิจสามารถสร้างผลงานและคอนเทนต์ได้อย่างอิสระบนโอกาสทางการตลาด และเปิดกว้างในความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่นอกเหนือไปจากการออกอากาศทางช่อง 8 เท่านั้น
ธุรกิจคอมเมิร์ซ
- RS LiveWell มุ่งสร้างแบรนด์และสินค้าใหม่ เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมขยายพอร์ตสินค้าสุขภาพทั้งสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง ?ยูไลฟ์? ภายใต้ อาร์เอส คอนเน็ค เน้นสร้างฐานลูกค้าและการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวผ่านโมเดล Subscription ด้าน RS Mall เร่งขยายช่องทางการขายออนไลน์ และขยายฐานลูกค้าที่หลากหลาย
- RS pet all ยังคงจับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำ คาดว่าการเข้าลงทุนใน ฮาโตะ เพ็ท เวลเนส เซ็นเตอร์ จะเสร็จสิ้นและเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 นอกจากนี้ RS pet all ยังเตรียมเปิด Pet all my love รีเทลช็อปครบวงจรที่มีทั้งสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง
"ในช่วงกลางปี อาร์เอส กรุ๊ป มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งประกอบด้วย RS Music และ RS Multimedia และกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบไปด้วย RS Livewell และ RS pet all ซึ่งทั้งหมดยังคงดำเนินงานภายใต้โมเดล Entertainmerce แต่การจัดโครงสร้างใหม่นี้จะทำให้แต่ละกลุ่มธุรกิจสามารถบริหารงานได้อย่างเป็นอิสระจากกัน และง่ายต่อการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อน อีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการเปิดรับความร่วมมือจากพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแต่ละธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A และ JV โดยมุ่งเน้นการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 เรายังรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวมถึง 1,778 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 185 ล้านบาท คาดว่าครึ่งปีหลัง อาร์เอส กรุ๊ป จะสามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากความร่วมมือกับพันธมิตร และจากการเข้าลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น" นายสุรชัย กล่าว