นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 จนถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 66 มีแนวโน้มเติบโตสดใสอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากฐานธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯ เปิดให้บริการเพิ่มเติม เช่น บริการกายภาพบำบัดภายใต้แบรนด์ KLINIQ SPA ที่เริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายไตรมาส 2/66 ที่ผ่านมา
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 (สิ้นสุด 30 มิ.ย.66) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 70.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น จำนวน 296.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/66 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 539.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.9% ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนสาขา การเพิ่มบริการที่ครอบคลุมความต้องการของคนไข้มากขึ้น และการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น การทำตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คนไข้รู้จักและเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น
รวมทั้งการเดินทางของนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นจากการคลี่คลายของสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น บวกกับการเติบโตของศูนย์ศัลยกรรม และแบรนด์ L.A.B.X ที่ทำให้ขยายฐานลูกค้าออกไป ช่วยผลักดันให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 บริษัทฯ มีสาขาที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 46 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE 37 สาขา, L.A.B.X 7 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา และ KLINIQ SPA 1 สาขา โดยสาขาเดอะมอลล์บางแค และเดอะมอลล์บางกะปิ อยู่ระหว่างการปิดปรับปรุงศูนย์การค้าตั้งแต่เดือนเม.ย.-ต.ค.66
"ในครึ่งปีหลัง KLINIQ ยังคงเดินตามยุทธศาสตร์การขยายสาขาในปีนี้ ทั้งเร่งจัดเตรียมความพร้อมเปิดห้องผ่าตัดเพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการศูนย์ศัลยกรรมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการให้บริการกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 65 และมั่นใจว่าตลอดปี 66 ผลการดำเนินงานมีโอกาสจะ All Time High ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน" นายแพทย์อภิรุจ กล่าว