BH ราคาหุ้นพุ่ง 5.22% หรือเพิ่มขึ้น 13.00 บาท มาที่ 262.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 396.67 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.14 น. จากราคาเปิด 256.00 บาท ราคาสูงสุด 264.00 บาท ราคาต่ำสุด 256.00 บาท
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรของ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีแนวโน้มแข็งแกร่ง สนับสนุนจากอุปสงค์คงค้างจำนวนมากของผู้ป่วยต่างชาติ (โดยเฉพาะตะวันออกกลาง) และการปรับขึ้นราคา 6.6% รวมถึงได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดให้บริการใหม่ ๆ และการจัดโปรโมชันของศูนย์โรคเฉพาะทาง 3 แห่ง
ดังนั้น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรธุรกิจหลักปี 66-68 ขึ้น 14-16% และขยับเป้าหมายเป็นกลางปี 67 ปรับราคาเป้าหมายขึ้น 13% เป็น 282 บาท TTR น่าสนใจที่ 15% ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" ปรับประมาณการกำไร หลังจากกำไรไตรมาส 2/66 สูงกว่าคาด จึงปรับประมาณการกำไรธุรกิจหลักปีนี้ขึ้น 14% เป็นสถิติสูงสุดที่ 6.7 พันล้านบาท และปรับกำไรปี 67 ขึ้น 15% เป็น 7.2 พันล้านบาท และปี 68 ขึ้น 16% เป็น 7.6 พันล้านบาท
ประมาณการของเราจะสูงกว่า consensus 15% ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ลูกค้าต่างชาติ เชื่อว่ามีอุปสงค์คงค้างหลายพันล้านบาท จากผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางเข้ามารับบริการ ซึ่งจะส่งผลไปจนถึงกลางปี 67 เป็นอย่างน้อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยตะวันออกกลาง ซึ่งจะใช้รักษาโรคซับซ้อนและอัตรากำไรขั้นต้นสูง ประกอบกับการปรับราคาขึ้น 6.6% ตั้งแต่เดือน ก.ค.66
พร้อมปรับอัตรากำไรขั้นต้นปี 66-68 ขึ้น 1.5%-1.7% เป็น 48.6%-49.0% BH จะขยายฐานลูกค้าใน 10 ประเทศใหม่ และเพิ่มสำนักงานส่งต่อผู้ป่วยเป็น 83 แห่ง (จาก 55-60 แห่งก่อนโควิดระบาด) ครอบคลุม 47 ประเทศ นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากลูกค้าจีน (ใช้บริการตรวจสุขภาพ, vital life และ IVF) หลังจากรัฐบาลจีนผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางออกนอกประเทศ และคาดว่าผู้ป่วยเมียนมาจะเพิ่มขึ้นหลังจากผ่อนคลายข้อจำกัดการออกวีซ่า/หนังสือเดินทาง บริการใหม่ และ การจัดโปรโมชั่น
BH เปิดตัวบริการใหม่ Limb Preservation และ Foot & Nail care ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าตะวันออกกลาง และมีการส่งต่อผู้ป่วยจากแผนกรักษาบาดแผล และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ BH ยังโปรโมต Eye Excellence Center (รายได้เพิ่มขึ้น 5% mom ในเดือน มิ.ย.), Fertility Center และ IVF clinic (จำนวนผู้รับบริการเพิ่มขึ้น 29% yoy ในงวด 1H), Genomic Medicine Institute (จำนวนผู้ใช้บริการใน 1H เพิ่มขึ้น 27% yoy และรายได้เพิ่มขึ้น 37% yoy) โดยร่วมมือกับ Dar Al Shifa Hospital (ประเทศคูเวต) ซึ่ง BH ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ป่วยชาวคูเวต และ Dar Al Shifa Hospital ส่งต่อผู้ป่วยให้ BH อีกด้วย
และการขยายเตียง BH จะเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยเป็น 497 เตียงในไตรมาส 3/66 และ 506 เตียงในไตรมาส 4/66 จาก 471 เตียงในไตรมาส 2/66 (อัตราการครองเตียง 80%) เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และจะเพิ่มจำนวนเตียงที่สุขุมวิทซอย 1 อีก 59 เตียงภายในปลายปี 67 หรือกลางปี 68
ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 300 บาท อิง 2024E PER ที่ 31.0x โดย derate PER ลงเนื่องจากปี 67 มีการเติบโตชะลอตัวลงจากฐานที่สูงในปี 66 จากราคาเป้าหมายเดิมที่ 265 บาท อิง 2023E PER 40x
เรามีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมวานนี้ (16 ส.ค.) จากโครงการที่ทางรพ.สร้างนั้นจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท คือ 1. ปี 66 มีการเพิ่ม 9 เตียงใน ICU ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และโครงการ VitaLife คาดจะเปิดใช้บริการในเดือน ก.ย.66
2. ปี 67 คาดโครงการตึก Annex (ศูนย์สตรีและเด็ก) และ 3. ปี 68 โครงการ รพ.ภูเก็ต (BIH Phuket) คาดจะเปิดในช่วงไตรมาส 2-3/68 โดยเปิด phase แรก 150 เตียง นอกจากนี้จะเพิ่มอีก 59 เตียงในโครงการซอย 1 นอกจากนี้ทาง รพ.มี 83 เครือข่าย ส่งต่อคนไข้กระจายอยู่ 47 ประเทศ เป็นการส่งเสริมเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และในปี 67-68 จะขยายตลาดไปยัง CIS countries (Commonwealth of Independent States)
ปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้น +38%/ +35% เป็น 7,298 ล้านบาท (+48% YoY) และ 7,759 ล้านบาท (+6% YoY) จากเดิมที่ 5,270 ล้านบาท (+7% YoY) และ 5,766 ล้านบาท (+9% YoY) จากการปรับรายได้เพิ่มขึ้น และ GPM ตามงบไตรมาส 2/66 ออกมาดีเกินคาด
รวมถึงการเติบโตในครึ่งปีหลังนี้มีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่ช่วง high season จากฤดูฝน และความต้องการของลูกค้าต่างชาติที่จะเดินทางมารักษาที่ BH ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะคนไข้จีน และตะวันออกกลางราคาหุ้น outperform SET +13% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากการผลดำเนินงานออกมาดีกว่าตลาดคาด แม้อยู่ในช่วง low season
ปัจจุบัน BH เทรดอยู่ที่ 67 PER ที่ 25.4x (ใกล้เคียง -1.0SD below 5-yr avg PER) โดยราคาหุ้น BH เคยสูงสุดที่ 250 บาทในปี 58 ซึ่งมีกำไรสุทธิเพียง 3,436 ล้านบาท และปี 62 (ก่อนโควิด) กำไรอยู่ที่ 3,794 ล้านบาทเท่านั้น คาดกำไร BH จะเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังมี upside จากการปรับขึ้นค่ารักษา โดยทุกๆ การปรับขึ้น 2% ของค่ารักษา จะเป็น upside ต่อประมาณการที่ +5%, จำนวนคนไข้ต่างชาติที่มากกว่าคาด โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย และขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง ทำให้กำไรของ BH เติบโตต่อเนื่อง และมองว่าครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดี HoH จากคนไข้ต่างชาติที่เติบโตดีเกินคาด โดยอาจเป็น upside ต่อประมาณการของเรา
เช่นเดียวกับ บล.กสิกรไทย อัพเกรดคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายกลางปี 67 ที่ 285 บาท จาก 233 บาทก่อนหน้านี้ เนื่องจากการอัพเกรดกำไรและ WACC ที่ลดลง และคำแนะนำในเชิงบวกจากผู้บริหารในไตรมาส 3/26 ด้วยการเติบโตแบบตัวเลขสองหลัก YoY หนุนโดยอุปสงค์จากทุกกลุ่ม ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย