นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เบริล 8 พลัส (BE8) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 3 ปีพุ่งเท่าตัวแตะ 5,000 ล้านบาทภายในปี 68 หวังก้าวเข้าสู่ SET100 ตั้งงบลงทุน 1,000 ล้านบาทยกระดับสู่ผู้นำอุตสาหกรรมด้วย Digital Transformation Ecosystem ครบวงจรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปักธงแรกปีนี้ขยายตลาดออสเตรเลีย พร้อมเจรจาร่วมมือพันธมิตรหลากหลายอุตสาหกรรม มั่นใจรายได้ปี 66 เข้าเป้า 2.5 พันล้านบาท
บริษัทได้ขยายธุรกิจร่วมทุนใน 6 บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยี ทำให้การสร้างระบบนิเวศที่มาจากการเชื่อมต่อหลายระบบ หลายบริการ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ มีศักยภาพครบทุกมิติ สามารถสร้างบริการที่ครบวงจรเพื่อส่งมอบความสำเร็จให้ลูกค้าในการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์การทำงานแบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการวางรากฐานการดำเนินธุรกิจ เปลี่ยนผ่านระบบการทำงานในการขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร
จุดแข็งของกลุ่มบริษัท คือ ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีความเข้าใจในการทำงานของลูกค้าองค์กรจากทุกอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันบริษัทในเครือ ล้วนมีประสบการณ์และเป็นผู้นำธุรกิจในแต่ละด้าน มีพันธมิตรเป็น World Class Technology มากกว่า 50 ราย มีบุคคลากรทั้งด้านที่ปรึกษา และนักพัฒนาซอฟแวร์มากกว่า 1,000 คน ที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมและที่ผ่านมามีผลงานของลูกค้าที่ส่งมอบสำเร็จแล้วมากกว่า 750 โครงการ ซึ่งล้วนเป็นองค์กรขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อการให้บริการของกลุ่มบริษัท
กลยุทธ์ 3 ปี (65-68) บริษัทมีแผนการดำเนินงานที่จะทำให้รายได้เติบโตได้ตามเป้า ได้แก่ การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทต่าง ๆ นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาส่งเสริมการใช้งาน โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย ในการทำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลให้บริการขนส่งเอกสารสำคัญต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของวงการรับ-ส่งเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Document บนโลกออนไลน์
นอกจากนี้ก็ได้ร่วมกับ บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) จัดตั้งบริษัทแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม (Green Tech) และก็ได้ร่วมกับ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท ออริจิ้น บีอีเอท จำกัด (ORIGIN BE8) เพื่อดูแลงานด้านเทคโนโลยี ครอบคลุมทั้งระบบหลังบ้านและหน้าบ้านทั้งหมดของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ โดยมีเป้าหมายหลักที่จะนำเทคโนโลยีไปช่วยขับเคลื่อนและสร้างธุรกิจและบริการใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรของบริษัท
รวมทั้งการขยายไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานตั้งอยู่ในเวียดนาม และในปีนี้บริษัทเตรียมตั้งสำนักงานใหม่ที่ออสเตรเลีย เนื่องจากมูลค่าตลาดด้าน IT สูงกว่าประเทศไทยกว่า 14 เท่า และในอนาคตมีแผนจะขยายไปสู่ประเทศอื่นๆในเอเชียแปซิฟิกด้วย ส่งผลให้ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 25-33% ของรายได้รวมบริษัท
"ในส่วนของการร่วมมือกับพันธมิตร หรือการ Joint Venture เราก็มีการพูดคุยกับหลายบริษัท น่าจะมีโอกาสให้เราได้ร่วมงานกับพันธมิตรอีกหลายอุตสาหกรรมในอนาคตเพื่อช่วยสร้างธุรกิจ new S-curve ด้วยการใช้เทคโนโลยี" นายอภิเษกกล่าว
ด้าน Mr.Charles Woodall ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 International กล่าวถึงแผนการเติบโตในการขยายตลาดต่างประเทศ ว่าประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกจะเป็นภูมิภาคแรกที่กลุ่ม BE8 จะรุกตลาด เพราะเราเคยได้โครงการในหลายประเทศ ซึ่งเราได้มีการสำรวจตลาดในแต่ละประเทศ และจะมีกลยุทธ์ในการขยายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งวันนี้เรามีความมั่นใจว่า เรามีศักยภาพพร้อมที่จะแข่งขันในระดับสากลแล้ว
"ปีนี้เราให้ความสำคัญกับตลาดออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความสำคัญของธุรกิจเทคโนโลยี ทั้งจากมูลค่าตลาดด้าน IT ที่สูงมาก ใหญ่กว่าตลาดไทยกว่า 10 เท่า และความล้ำหน้าในการรับเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้การให้บริการบางส่วนที่ถือเป็นความเชี่ยวชาญของกลุ่ม BE8 ยังมีโอกาสเติบโตสูงในตลาดออสเตรเลีย" Mr.Charles Woodall กล่าว
สำหรับ 6 บริษัท ที่ BE8 ร่วมลงทุน สร้างระบบนิเวศ Digital Transformation ครบทุกมิติ ประกอบด้วย
1. บริษัท เอคซเทนด์ ไอที รีซอร์ส จำกัด ผู้นำด้านไอทีแบบครบวงจร
2.บริษัท เบย์ คอมพิวติ้ง จำกัด (เบย์คอม) ผู้นำด้าน Cyber Security อันดับต้นๆ ของประเทศ
3.บริษัท อี-ซี.โอ.พี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางไซเบอร์
4.บริษัท วานิลลา แอนด์ เฟรนด์ จำกัด ที่ทำธุรกิจด้านที่ปรึกษาการทำ Branding และการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจร
5.บริษัท รีโคนิกซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการด้าน Cyber Security โดยมีความเชี่ยวชาญในการทดสอบระบบ เพื่อหาช่องโหว่และการทำ Smart Contract Audit
6.บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด สื่อเทคโนโลยีและธุรกิจออนไลน์ ที่นำเสนอคอนเทนต์เพื่อวงการ Tech ในโลกธุรกิจ และเป็นผู้จัดงาน Tech Conference
"เรามีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างระบบนิเวศครบทุกมิติ ทำให้ความพร้อมทุกด้านในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเรามอง Asia Pacific เป็นภูมิภาคแรกที่เราจะ focus จากที่เราเคยได้โครงการในหลากหลายประเทศ วันนี้เรามั่นใจว่ามีศักยภาพพร้อมที่จะแข่งขันในระดับสากลแล้ว" นายอภิเษก กล่าว