นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังเติบโตอยู่ในระดับที่ดี จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจปุ๋ยที่ได้รับอานิสงส์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง และปริมาณการขายปุ๋ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อย อีกทั้ง สต็อกน้ำตาลที่รอส่งมอบในช่วงครึ่งปีหลัง ยังได้รับราคาที่ดีจากการปรับตัวของราคาน้ำตาลโลก
ปัจจุบัน BRR ได้มีการทำสัญญาและขายน้ำตาลไปแล้วเกือบ 100% ดังนั้นในช่วงภาวะราคาน้ำตาลที่ผันผวนขณะนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของปี 2567 ไปแล้วบางส่วน โดยมองว่าราคาน้ำตาลยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากการเกิดสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอินเดียที่กังวลเรื่องความขาดแคลนและประกาศห้ามส่งออกน้ำตาล
ขณะเดียวกัน ในประเทศไทย คาดว่าจะมีผลผลิตที่ลดลงจากความกังวลภาวะภัยแล้ง แต่ในส่วนของ BRR ได้มีการเตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยเฉพาะการหาแหล่งน้ำ เช่น บ่อบาดาลใกล้แหล่งน้ำผิวดิน ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และขณะนี้ปริมาณน้ำฝนที่ จ.บุรีรัมย์ยังเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของอ้อยที่ดีอีกด้วย จึงมั่นใจว่าปี 67 บริษัทจะสามารถหีบอ้อยได้ตามคาดที่ 2.5 ล้านตัน
สำหรับธุรกิจแพ็กเกจจิ้งจากชานอ้อย ภายใต้ชื่อ บริษัท ชูการ์เคน อีโคแวร์ จำกัด ยังมีแนวโน้มที่ดีจากกระแสการใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่เป็นเมกะเทรนด์ทั่วโลก ล่าสุด กลุ่มลูกค้าจากหลายประเทศให้ความสนใจเตรียมเข้ามาศึกษากระบวนการผลิต ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าคุณภาพ และกระบวนการผลิตจะสร้างความเชื่อมั่น ทำให้ลูกค้ามั่นใจ และสั่งออเดอร์ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มกำลังผลิต เพื่อรองรับออเดอร์จากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) ใน สปป.ลาว เตรียมเดินหน้าเดินเครื่องจักรในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทมีสัญญาจำหน่ายให้กับคู่ค้าญี่ปุ่น 15 ปี ที่ปริมาณ 100,000 ตันต่อปี ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจนี้มีความเสี่ยงด้านการตลาดและลูกค้าน้อยมาก และเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของธุรกิจหลักอย่างน้ำตาลลงไปได้
"ปี 67 จะเป็นปีทองของ BRR ที่จะมีผลประกอบการที่ดี ทั้งปริมาณผลิตอ้อยที่เพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย ราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น และยังมีธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามา โดยบริษัทได้วางเป้าหมายโครงสร้างรายได้ หลักอยู่ที่ธุรกิจน้ำตาลราว 70% ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม BRR ยังคงมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และพร้อมขยายตลาดได้อีกมาก" นายอนันต์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัท งวด 6 เดือนแรกปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 360.14 ล้านบาท ลดลง 355.91 ล้านบาท หรือ 49.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 716.05 ล้านบาท รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 3,979.21 ล้านบาท ลดลง 1,064.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.10% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักมาจากการลดลงในส่วนของปริมาณการขายน้ำตาล เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นช่วงไตรมาส 3 ของปีก่อน เป็นเหตุให้อ้อยได้รับความเสียหายบางส่วน จึงทำให้ปริมาณอ้อยเข้าหีบไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ โดยบริษัทมีปริมาณการขายน้ำตาลลดลงจากปีก่อน 65,219 ตัน หรือคิดเป็น 28% อย่างไรก็ดี บริษัทได้รับปัจจัยบวกจากราคาขายน้ำตาลที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกเฉลี่ย 7.11% รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังอ่อนค่าคิดเป็น 1.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน