นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-สายงานการเงินและบัญชี บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดกำไรปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน จากต้นทุนราคาก๊าซฯ ที่ลดลง โดยอิงข้อมูลจากทางบมจ.ปตท. (PTT) ที่ได้ประเมินเอาไว้ว่า ราคาก๊าซฯ ในครึ่งปีหลังนี้จะลดลงจากครึ่งปีแรกพอสมควร หรืออยู่ในกรอบ 350-360 บาท/ล้านบีทียู (MMBTU) ส่วนค่า Ft ที่จะมีการปรับลงบางส่วนในช่วงเดือนก.ย.-ธ.ค.66 คาดกระทบไม่มาก เนื่องจากมาร์จิ้นค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซฯ ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2/66
นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ สามารถรับรู้กำลังการผลิตใหม่ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 23.5 เมกะวัตต์ ภายใต้การดำเนินงานของ KOPOS Co., Ltd. (มีบริษัทย่อย B.Grimm Power Korea Limited ถือหุ้นในสัดส่วน 49.9%) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปในต้นเดือนส.ค.66 ทำให้จะรับรู้กำไรเข้ามาในครึ่งปีหลัง
อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะ COD โรงไฟฟ้า SPP จำนวน 2 โครการ ได้แก่ บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 และ บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 กำลังการผลิตรวม 140 เมกะวัตต์ต่อโครงการ หรือคิดเป็นจำนวนรวม 280 เมกะวัตต์ โดยทั้ง 2 โรงไฟฟ้าดังกล่าวจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) จำนวน 90 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ซึ่งจากปัจจัยข้างต้น คาดจะหนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกด้วย
สำหรับแผนการขยายกำลังการผลิต บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตภายในปี 73 จะเพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นเมกะวัตต์ หรือมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ให้มากกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ราว 28% ซึ่งจะมาจากการมุ่งเน้นเข้าร่วมประมูลขายไฟฟ้าในประเทศเวียดนามต่อเนื่อง ในรูปแบบ LNG-to-Power, พลังงานลม และโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่สาธารณรัฐเกาหลี โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างรอการอนุมัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการก่อสร้างในหลายโครงการ นอกจากนี้ยังมองโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทฯ คาดจะใช้เงินลงทุนรวม 425,400 ล้านบาท โดยจะเป็นในส่วนของ BGRIM ราว 70,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาพลังงานเชื้อเพลิงอื่นๆ เช่น ไฮโดรเจน, แอมโมเนีย, สาหร่าย เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต
ด้านการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าในช่วงครึ่งปีหลังอาจมีไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทกำลังมุ่งเน้นโครงการก่อสร้างใหม่ที่เตรียมจะเข้าไปลงทุนอยู่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงกำลังมองหาการลงทุนเพิ่มเติมในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศมาเลเซีย,ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา เป็นต้น
ปัจจุบัน BGRIM มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 3.7 พันเมกะวัตต์ แบ่งเป็น GAS 72% และ Renewable 28% โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือ รวมถึงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมจำนวน 4.3 พันเมกะวัตต์ เป็น GAS 71% และ Renewable 29%
ส่วนความคืบหน้าการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) บริษัทฯ ตั้งเป้าจะเริ่มนำเข้ามาได้ภายในช่วงปี 67 หลังจากในช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้เปิดการแข่งขันแบบเสรีและมีการมอบหมายหน่อยงานของรัฐมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ ทั้งนี้การรับรู้รายได้จะทำผ่านบริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด โดยจะมีการซื้อก๊าซฯเพื่อส่งไปขายให้กับทางลูกค้า