นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก จากการโอนโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จในช่วงไตรมาส 3/66 และไตรมาส 4/66 จำนวนมาก ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 7 โครงการ และโครงการแนวราบใหม่อีก 15 โครงการ โดยที่จะมีการโอนโครงการใหม่ที่มีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่แล้วเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง 1.38 หมื่นล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่เกือบ 3.3 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกันการโอนโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังที่เข้ามามากขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังกลับมาเพิ่มขึ้นได้ หลังจากไตรมาส 2/66 ปรับตัวลงมาที่ 31.8% เนื่องจากมีการโอนโครงการแนวราบเป็นจำนวนมาก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่เข้ามาเสริมจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นกลับมาเพิ่มขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 ที่ 34%
ด้านการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้วางแผนเปิด 24 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 2.87 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการเปิดโครงการใหม่ที่กระจายตัวไปยังทำเลศักยภาพต่างๆทั่วประเทศ ได้แก่ แกรนด์ แฮมป์ตัน ทองหล่อ (Grand Hampton Thonglor) โซโห แบงค็อก สุขุมวิท (Soho Bangkok Sukhumvit) และในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ไดแก่ โซ ออริจิ้น เขาใหญ่ (So Origin Khao Yai) โซ ออริจิ้น บางเทา ภูเก็ต (So Origin Bangtao Phuket) ออริจิ้น เพลส ภูเก็ต (Origin Place Phuket) และออริจิ้น เพลส หัวหิน (Origin Place Huahin)
ขณะที่โครงการแนวราบจะเน้นการเปิดโครงการใหม่ในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ได้แก่ ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ทวีวัฒนา เวสต์เกต และแถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา จากแผนการเปิดโครงการดังกล่าวดังกล่าวเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายใหม่ในทำเลสำคัญ และส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของกลุ่มบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกทำยอดขายได้แล้วคิดเป็นสัดส่วน 37-40% ของเป้าหมายยอดขายในปี 66 ที่ตั้งไว้
"ครึ่งปีหลังนี้แม้สภาพตลาดยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลากหลายปัจจัย ทั้งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จากแผนการขยายธุรกิจทั้งเครือที่มุ่งสู่หัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสเข้าถึงตลาดศักยภาพใหม่ๆ ที่ยังไม่มีคู่แข่งทางตรง บริษัทจึงจะยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้" นายพีระพงศ์ กล่าว