บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/66 บริษัทมีรายได้รวม 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 6 เดือนแรก รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ มีจำนวน 1,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 21% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยหลักทั้งทางด้านธุรกิจอาหารที่มีอัตราการเติบโตของสาขาเดิมและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี
ทั้งนี้ ZEN แจ้งงบไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 45.7 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.18 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.16 บาท
นางสาวยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี ZEN เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของเซ็น กรุ๊ป ในไตรมาสนี้ มีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีขึ้นจากรายได้ที่ฟื้นตัวตามสถานการณ์ภายในประเทศ อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง และมีการฟื้นตัวของตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค
ไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก มี 3 ปัจจัยหลัก ที่ส่งผลต่อการเติบโตของ ZEN คือ
1. ธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิม (SSSG) : โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจอาหารที่เติบโตขึ้น 136 ล้านบาท หรือ 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้เพิ่มขึ้น 341 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากสถานการณ์จากสถานการณ์ภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ อาทิ แบรนด์ อากะ ที่มีการ Revamps ภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น, การออกแคมเปญเซ็น แซ่บ การตลาดแบรนด์ เซ็น ที่ฉีกมิติใหม่ของอาหารญี่ปุ่น เจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น และการ Repositioning แบรนด์ลาวญวน พร้อมวางจุดยืนและออกแบบกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ เตรียมพร้อมลุยขยายแฟรนไชส์ทั้งไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีปรับกลยุทธ์การขายอาหารของร้านในเครือและออกโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้จำนวนลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากช่องทางนี้เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
2. การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง : ปีนี้เน้นการขยายไปใน Strategic Location วางกลยุทธ์การเลือกทำเลเพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว เช่น พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) รวมถึงการขยายสาขาแฟรนไชส์ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ทางด้านแบรนด์เรือธงอย่างแบรนด์ AKA ในครึ่งปีแรกมีการเปิดไปแล้ว 4 สาขา และตั้งเป้าครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มอีกกว่า 10 สาขา ภายในสิ้นปี
ตามมาด้วยแบรนด์ ZEN ที่เตรียมเปิดอีกกว่า 6 สาขา ภายในสิ้นปี และแบรนด์ ออน เดอะ เทเบิ้ล ปักหมุดขยายอีก 5 สาขา ภายในสิ้นปีด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นสาขาที่ทางบริษัทฯ ลงทุนเอง
ส่วนสาขาแฟรนไชส์ในต่างประเทศ โดดเด่นด้วยแบรนด์ On the Table ที่พึ่งเปิดตัวที่กัมพูชาไปเมื่อไม่นานมานี้ อีกทั้งยังมีแผนที่จะเปิดแบรนด์ เขียง ที่ประเทศมาเลเซียด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะมีการเจาะกลุ่มตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี 66 มีการเปิดสาขาใหม่รวมกว่า 10 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 5 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 4 สาขา และแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา หากนับรวมในครึ่งปีแรก ปี 66 บริษัทเปิดสาขาใหม่ทั้งหมด 15 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 7 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 7 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา สรุปสิ้นไตรมาส 2 ปี 66 มีร้านอาหารรวมทั้งสิ้น 327 สาขา
3. การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี : กลุ่มบริษัทฯ มีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงการปรับลดค่าใช้จ่ายพนักงาน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมในไตรมาส 2 ปี 66 ลดลงถึง 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ส่วนธุรกิจค้าปลีก โดยบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งมีโรงงานในการผลิตทั้งน้ำปลาร้า และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ที่ทันสมัย มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย และได้รับมาตรฐานสากล ล่าสุดได้มีการติดตั้งเครื่องบรรจุใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตที่ครบวงจร ทั้งยังปรับปรุงพื้นที่โรงงานและส่วนสำนักงานเพื่อรองรับการเติบโต อีกทั้งยังมีการรับจ้างผลิตสินค้าออกสู่ตลาดของลูกค้ารายอื่นอีกด้วยเช่นกัน
ส่วนธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร โดยบริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ได้ทำการขยายห้องเย็นและคลังสินค้าเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และการกลับมาของธุรกิจอาหาร โรงแรม และสายการบินด้วย
"ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นการรักษาอัตราการเติบโตของสาขาเดิม และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้สมดุลกัน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแรงของธุรกิจที่จะส่งผลต่อการเติบโตของ เซ็น กรุ๊ป ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน" นางสาวยุพาพรรณ กล่าว