ในที่สุดประเทศไทยก็มีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทยเป็นที่เรียบร้อย และแน่นอนว่าทุกคนต่างจับตานโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยใช้หาเสียงก่อนหน้า นั่นก็คือนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่แล้วเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะถูกส่งมอบแก่ประชาชนในรูปแบบใด สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นที่ถกถามกันอยู่!!
*จับตา XSpring ผู้ออกสิริฮับโทเคนจะมีส่วนร่วมเงินดิจิทัลหรือไม่
ในวันนี้ประเทศไทยเราก็มีนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 อย่างเป็นทางการแล้ว นั่นคือนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย และแน่นอนว่าหากพูดถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ใคร ๆ ก็นึกถึงเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่นายเศรษฐาเคยประกาศไว้ก่อนหน้า ทุกคนต่างเฝ้ารอว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท นี้จะมาเมื่อไหร่?
จริง ๆ แล้วเมื่อพูดว่าเงินดิจิทัล แน่นอนว่าไม่ใช่เงินสด หลายคนตีความว่ารัฐบาลจะจ่ายเป็นโทเคน แล้วโทเคนชนิดนี้จะออกมาในรูปแบบไหน? จะจ่ายยังไง? ใครจะเป็นผู้ออก? ออกโดยรัฐบาลเลยรึเปล่า? แถมยังสงสัยเลยไปถึงว่า บมจ. เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ที่มี บมจ. แสนสิริ (SIRI) ถือหุ้นอยู่ และเป็นบริษัทที่นายเศรษฐาเคยนั่งเป็นผู้บริหารสูงสุด จะเป็นผู้ออกหรือไม่ แล้วมีผลประโยชน์ทับซ้อนรึเปล่า?
แต่วันนี้ก็คลายความสงสัยกันได้แล้ว เพราะล่าสุดทาง XPG ออกแถลงการณ์ประกาศชัดเจนว่า ไม่ได้รับผลประโยชน์หากนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้มีการออกมาใช้จริง เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
และตอนนี้มีแอปพลิเคชันปลอมระบาดเกี่ยวกับเงินดิจิทัล 10,000 บาท พบว่ามียอดดาวน์โหลดไปแล้วถึงกว่า 1,000 ครั้ง ต้องระมัดระวังกันให้ดีๆ
*ดีอีเอสจ่อขอศาลสั่งปิด Facebook พบมิจฉาชีพใช้หลอกลงทุนคริปโทฯ
หลายคนน่าจะได้เห็นข่าวกันไปบ้างแล้วที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำโดยรัฐมนสตรีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ออกมาแถลงว่าจะเดินหน้าขอให้ศาลสั่งปิด Social Media ชื่อดังอย่าง Facebook ในช่วงปลายเดือนนี้ สาเหตุมาจากพบว่ามีสถิติคนโดนหลอกลวง ชักชวนให้ลงทุนในสิ่งที่ผิดกฎหมาย รวมไปถึงคริปโทฯ ค่อนข้างมาก เพราะระบบการปิดกั้นใน Facebook ไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่ควร ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพมักจะใช้รูปของบุคคลที่มีชื่อเสียงมาประกอบในภาพเพื่อโฆษณาให้ชวนเชื่อ ซึ่งตอนนี้ก็มีคนถูกหลอกไปเยอะมากแล้ว
ต้องบอกว่ามีมิจฉาชีพนำคลิปของอินโฟเควส์ที่เคยสัมภาษณ์ไปประกอบโฆษณาชวนเชื่อ หลอกให้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนสูง ขอให้รู้ว่านั่นคือมิจฉาชีพ
*หรือจะหมดยุคคริปโทฯ ตัวเลขบัญชี Active ในไทยตกต่ำสุดในรอบปี
ล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดเผยตัวเลขของบัญชี Active User ในการเทรดคริปโทฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2566 ที่เหลืออยู่เพียงแค่ 113,000 บัญชีเท่านั้น ลดลงจากเดือนเดียวกันในปี 2565 กว่า 43.46% ที่ในข่วงน้นมีบัญชี Active User กว่า 260,000 บัญชี
และในภาพรวมก็มีตัวเลขที่น่าสนใจที่แสดงถึงมูลค่าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่ดัชนีราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยเริ่มปรับตัวสูงขึ้น แสดงถึงความนิยมคริปโทฯ ในไทยที่กำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ หรือเพียงแค่แสดงถึงความสนใจที่ลดลง ในช่วงภาวะตลาดหมีกันแน่
https://youtu.be/SC6cS5A5YO0