นายวิน วิริยะประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI) คาดว่า รายได้ปี 51 จะเติบโตอย่างน้อย 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาขายเหล็กในประเทศจะเพิ่มขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ปรับราคาเหล็กเส้นและเหล็กแผ่นอีก 7 บาท/กิโลกรัมในช่วงเดือนพ.ค.นี้ และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.5 ล้านตัน จากปีก่อนที่ผลิตได้ 1 ล้านตัน
ทั้งนี้ เป้าหมายการเติบโตรายได้ปีนี้ยังนับรวมรายได้จาก บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TCRSS ซึ่ง SSI มีเป้าหมายจะเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 51% จากปัจจุบันถืออยู่ 18.79% คาดว่าภายใน 2-3 เดือนนี้การเจรจากับกลุ่มผู้ถือหุ้นจากญี่ปุ่นจะได้ข้อสรุป และจะใช้เม็ดเงินประมาณ 4.5 พันล้านบาท โดยบริษัทจ่ายไปแล้ว 1 พันล้านบาท ใช้แหล่งเงินจากเงินทุนหมุนเวียนและเงินกู้
"การเข้าซื้อโรงเหล็กรีดเย็น เนื่องจากเห็นการเติบโตยานยนต์ในบ้านเรา และมีกำลังการผลิตที่สูงขึ้น และยังมีแผนจะผลิตรถอีโคคาร์ด้วย ตลาดเหล็กรีดเย็นยังเติบโตได้อีกเยอะ"นายวิน กล่าว
นายวิน กล่าวว่า ขณะนี้ราคาเหล็กได้ปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1 พันเหรียญ/ตัน ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความต้องการใช้ในตลาดโลกยังคงระดับสูง ทั้งจากจีน และ สหรัฐฯ ที่แม้จะมีปัญหาซับไพร์ม แต่ก็แปลกที่ความต้องการใช้เหล็กยังไม่ปรับลดลง โดยส่วนตัว เห็นว่าแนวโน้มทิศทางราคาเหล็กน่าจะปรับตัวลดลงภายในปีนี้ เพราะว่าราคาเหล็กได้ปรับสูงขึ้นไปมากแล้วซึ่งมองว่าราคาปรับตัวขึ้นสูงผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม ราคาเหล็กที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องควบคุมสต็อกเหล็กให้ลดเหลือ 1 เดือนจากเดิมที่เคยสต็อกไว้ 3 เดือน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการขาดทุน
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโรงถลุงเหล็ก ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายวินกล่าวว่า ขณะนี้รอการอนุมัติจากคณะกรรมการผุ้ชำนญการพิจารณารายงานจากการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) แต่ปฏิเสธว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นของเครือสหวิริยา ไม่เกี่ยวกับ SSI
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--