นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ ผู้บริหารทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์อัลไล (ALLY) เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุนไว้ 1 พันล้านบาท เพื่อรองรับการเข้าซื้อโครงการใหม่ๆเข้ามา โดยที่จะมีแผนการซื้อโครงการอาคารสำนักงาน 111 Praditmanutham พื้นที่ 10,611 ตารางเมตร มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งมีการการันตีอัตราการเช่า 92% และยังมีการเจรจาในการซื้อโครงการอื่นๆ เข้ามาเสริม คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 67 โดยปัจจุบันพื้นที่เช่ารวมของกองทรัสต์ ALLY รวมอยู่ที่ 160,184 ตารางเมตร มูลค่ารวม 1.32 หมื่นล้านบาท
จากทิศทางของเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้การจับจ่ายใช้สอยกลับมาคึกคักมากขึ้น รวมถึงการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างนัยสำคัญ ส่งผลบวกต่อพื้นที่เช่าของกองทรัสต์ ALLY โดยเพาะในส่วนของพื้นที่เช่าศูนยืการค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ที่กลับมาดีขึ้นอย่างมาก
ปัจจุบันจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ของ ALLY เพิ่มขึ้นสูงถึง 145% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับอัตราการเช่าในศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีอัตราการเช่ารวม 93.1% จากผู้เช่าในกลุ่มร้านค้าต่างๆที่กลับมาเปิดร้านในศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ หลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป รวมถึงร้านอาหารใหม่ๆ โดยเฉพาะร้านชาบูหมาล่า ที่มีการเปิดเพิ่มขึ้น
จากปัจจัยบวกข้างต้นส่งผลให้รายได้ของ ALLY ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 เติบโต 12% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5-10% แต่ทางกองทรัสต์ยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 66 เติบโต 5-10% ตามเป้าหมายเดิม แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยหนุนจากการที่มีความชัดเจนในเรื่องของรัฐบาลใหม่แล้ว และคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา รวมถึงในช่วงปลายปีจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ซึ่งจะมีการจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวที่คึกคักมากขึ้น
ขณะที่ในส่วนการปรับเพิ่มค่าเช่านั้นจะมีการพิจารณาการปรับเพิ่มค่าเช่าตามความเหมาะสม ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการทยอยปรับเพิ่มค่าเช่าไปแล้ว 1% แต่ในครึ่งปีหลังยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งในปัจจุบันยอมรับว่าต้นทุนหลักของกองทรัสต์ คือ ต้นทุนพลังงานปรับตัวลดลงไปพอสมคร ทำให้ความกังวลลดลงไป กองทรัสต์จึงยังคงอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับ 39-40% ส่วนอัตราการเช่าในปี 66 จะอยู่ที่ระดับ 93-94%