นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ที่มีรายได้อยู่ที่ 6,729.01 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,451.90 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 3/66 โรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐ กลับมาเดินเครื่องเต็มกำลัง หลังปิดซ่อมบำรุงไปในไตรมาส 2/66 ซึ่งเป็นการกลับมาในช่วงไฮซีซั่น หรือมีคลื่นความร้อนสูงในรัฐเท็กซัส ส่งผลดีต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น รวมถึงคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II กำลังการผลิตรวม 755 เมกะวัตต์ (คิดเป็นกำลังการผลิตของ BPP ตามสัดส่วนการลงทุน 377.5 เมกะวัตต์) ที่บริษัทฯ เพิ่งปิดดีลเข้าลงทุนไปในช่วงก่อนหน้าด้วย ทำให้สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที และหนุนกำไรให้เติบโตขึ้น
สำหรับการซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าอื่นๆ เพิ่มเติมนั้น บริษัทฯ จะพิจารณาการลงทุนอีกครั้งหลังสิ้นสุดไตรมาส 3/66 โดยขณะนี้จะมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จาก Economies of Scale หลังซื้อ Temple II อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทฯ มีดีล M&A อยู่ใน Pipeline ทั้งการเพิ่มเมกะวัตต์ของ Renewable และ Energy storage เข้าไปในพอร์ตของบ้านปู Ecosystem ในสหรัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
"ผลประกอบการในไตรมาส 3 และ 4 จะสามารถ Economies of Scale จากสินทรัพย์ที่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ต้นทุนลดลง รายได้เพิ่มขึ้น และยังมีความสามารถในการทำประกันความเสี่ยงกระแสเงินสด ด้วยการทำ Hedging" นายกิรณ กล่าว