นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) กล่าวว่า ผลการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 จำนวน 3 ชุด ในช่วงระหว่างวันที่ 25 , 28 - 29 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างท่วมท้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ได้ทั้งหมด 850 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 "หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2566 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน" มีอายุ 2 ปี อัตราผลตอบแทน 6.80% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 2 : "หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2566 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน" อายุ 1 ปี 8 เดือน อัตราผลตอบแทน 7.00% ต่อปี
หุ้นกู้ชุดที่ 3 : "หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2566 ชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน" อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราผลตอบแทน 7.25% ต่อปี
"บริษัทต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับหุ้นกู้ของ SA ด้วยดี และเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีแผนการดำเนินธุรกิจชัดเจน โปร่งใส ยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาลและใจจริง ซื่อตรงในการบริหารงาน รวมทั้งมุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการออกแบบและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนที่แท้จริง โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเงินทุนสำรองสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อไป" นายขจรศิษฐ์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังของปี 66 บริษัทคาดว่าโครงการ Landmark @ MRTA Station ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท จะแล้วเสร็จพร้อมทยอยโอนบางส่วนมูลค่า 1.5 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปีถัดๆไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนทยอยโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบอีก 3 โครงการ อีกทั้งมีกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูงแบบ Ready to move และมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น กลุ่มโรงแรม กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มด้านสุขภาพ เป็นต้น เข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นจะส่งผลทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และต่อยอดถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีหน้าเติบโตต่อเนื่องอีกด้วย