เป็นรายที่ 5 ของปีนี้ หลังวานนี้บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้(หุ้นกู้ JKN239A) ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 1 ก.ย.66 จำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609,981,369.86 บาท โดยบริษัทฯ จะสามารถชำระฯคืนได้เพียง 156,600,000 บาท
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน JKN ได้เข้าลงทุนในธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe Organization (MUO) คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 800 ล้านบาท รวมถึงการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีการใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งสวนทางกับกระแสเงินสดและเทียบเท่าเงินสด ณ ไตรมาส 2/66 ที่มีเพียง 113 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน และไม่มีเงินเพียงพอต่อการชำระหุ้นกู้ดังกล่าวได้
ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรของ JKN ในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัวลงด้วย โดยครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 121.48 ล้านบาท จากทั้งปี 65 มีกำไรสุทธิ 608.43 ล้านบาท
*โบรกฯ แนะเลี่ยงลงทุน พร้อมปรับคำแนะนำเป็น "Under Review"
บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองประเด็นดังกล่าวเป็นข่าวลบ ซึ่งแสดงถึงปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจบริหารจัดการลิขสิทธิ์ขององค์กรนางงามจักรวาล(MUO)และขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ขณะที่รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าต่ำกว่าเป้า
ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ได้มีการปรับลดประมาณการไปก่อนหน้านี้ จากปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีผลต่อการชำระเงินกู้งวดที่เหลือ คงต้องติดตามถึงแผนชำระหนี้ของบริษัทที่จะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการผ่อนผันการชำระคืนหนี้ในวันที่ 29 ก.ย.นี้
ด้านผลประกอบการ JKN มองว่า ผลประกอบการในครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการลิขสิทธิ์ขององค์กรนางงามจักรวาล (MUO) ประเทศเอลซัลวาดอร์ราว 566 ล้านบาท(ส่วนใหญ่จะเข้ามาในไตรมาส 4/66 ที่มีการจัดงาน) เพิ่มจากครึ่งปีแรกที่รับรู้รายได้ 230 ล้านบาท ซึ่งมีการรับรู้รายได้ทั้งจากการจัดงานประกวดรายได้จากค่าลิขสิทธ์รายได้จากค่าตั๋วเข้างานขณะที่ธุรกิจ Commerce มีแผนขยายสินค้าในตลาดใหม่ๆ มากขึ้น และปรับกลยุทธ์เน้นขายสินค้า House Brand มากขึ้นช่วยให้อัตรากำไรดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินมีแนวโน้มดีขึ้น
ระยะสั้นแนะนำ "หลีกเลี่ยงการลงทุน" ออกไปก่อน และปรับคำแนะนำเป็น "Under Review" จนกว่าบริษัทจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนออกมา ซึ่งประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแผนในการออกหุ้นกู้ในอนาคตเพื่อ refinance จะทำได้ลำบากขึ้น
*เปิดวิธีคัดสรรลงทุนหุ้นกู้
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นกู้ของไทยปีนี้ สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัญหาสภาพคล่องจนไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ เริ่มจาก STARK, CHO, ALL, CGD และล่าสุด JKN ที่แจ้งว่าหุ้นกู้รุ่น JKN239A ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนวันนี้ มูลค่ารวม 609.98 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถชำระเงินต้นได้เพียง 156.6 ล้านบาท เหลือยอดค้างชำระ 443.4 ล้านบาท
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(THAIBMA) เผยว่าในช่วงที่เหลือของปี มีหุ้นกู้ Non-Rated ที่จะครบกำหนดชำระหนี้มูลค่า 2.38 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อาทิ CGD, INET, TNITY, ALL, KCC, CHEWA, NVD, RICHY ซึ่งต้องติดตามดูสถานการณ์ใกล้ชิด
โดยกลยุทธ์การลงทุนสำหรับหุ้นกู้เน้นคัดสรรการลงทุนหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งระดับ BBB ขึ้นไป หรือเป็นระดับ Investment Grade อาทิ TRUE253A, SIRI263A, CPALL266A
ขณะที่ฝั่งกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทย เพื่อการหลบเลี่ยงความกังวลจากประเด็นดังกล่าว ฝ่ายวิจัยทำการคัดกรองหุ้นที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง และมีระดับ Net Gearing (หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน) อยู่ในระดับต่ำ หรือเป็น Net Cash(มีเงินสดมากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย) จะถือเป็นหุ้นที่มีเกราะป้องกันในช่วงเวลาดังกล่าว เช่น AOT, CPN, PTT, PTTGC, SCC, AP, EA, CENTEL, AMATA, IVL, HMPRO, SCGP เป็นต้น
หุ้นกู้ที่ไม่สามารถชำระหนี้คืน บริษัท จำนวนหุ้นกู้ (รุ่น) มูลค่ารวมดอกเบี้ย(ลบ.) STARK 5 9,198.40 ALL 7 2,416.00 CGD 2 131.04 CHO 1 34.99 JKN 1 609.00