สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกหลักเกณฑ์รองรับการจัดตั้ง การจัดการ และการเปิดเผยข้อมูลของกองทุนรวมอิสลาม เพื่อให้มีมาตรฐานสอดคล้องกับสากลและสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกองทุนรวมอิสลาม รวมทั้งเพิ่มทางเลือกการลงทุนและขยายฐานผู้ลงทุนมุสลิม ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.66 สำหรับกองทุนที่มีอยู่เดิมต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ
ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท) ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 21 ก.พ.66 มีมติเห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์รองรับกองทุนรวมอิสลาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนด้วยการวางมาตรฐานการจัดตั้ง การจัดการ และการเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนและขยายฐานผู้ลงทุนมุสลิม โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการและร่างประกาศเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.66 ซึ่งผู้แสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการและร่างประกาศดังกล่าว
สำนักงาน ก.ล.ต. จึงออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อรองรับกองทุนรวมอิสลามจำนวน 4 ฉบับ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กองทุนอิสลามต้องลงทุนในทรัพย์สินที่เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม โดยสามารถลงทุนตรงในทรัพย์สินตามที่คณะกรรมการหรือที่ปรึกษาชะรีอะฮ์กำหนด หรือลงทุนในทรัพย์สินที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีที่เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งดัชนีดังกล่าวจัดทำโดยสถาบันหรือบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับระดับสากล
2. ในกรณีที่ลงทุนในทรัพย์สินตามที่คณะกรรมการหรือที่ปรึกษาชะรีอะฮ์กำหนด ต้องจัดให้มีที่ปรึกษาชะรีอะฮ์หรือคณะกรรมการชะรีอะฮ์ ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสม เช่น มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม มีประสบการณ์เป็นผู้บรรยายหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักศาสนาอิสลาม มีความรู้ภาษาอาหรับ และไม่เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม เป็นต้น เพื่อทำหน้าที่กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกทรัพย์สินให้เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม
3. กองทุนอิสลามต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน เช่น หลักเกณฑ์หรือแนวทางการคัดเลือกทรัพย์สิน การติดตามดูแลการลงทุนให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด รายชื่อคณะกรรมการหรือที่ปรึกษาชะรีอะฮ์ และตราสัญลักษณ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.66 และสำหรับกองทุนรวมที่มีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนตามหลักศาสนาอิสลามที่จัดตั้งก่อนวันที่ประกาศมีผลใช้บังคับต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ