นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล กรรมการ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับเป้ายอดขายในปี 66 เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% จากเดิมคาดโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายโตกว่า 30% หรือคิดเป็น 2,548 ล้านบาท ขณะที่ก็คาดว่ายอดขายในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตอีก 15% ซึ่งมีปัจจัยหนุนทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
โดยตลาดจีน แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ยอดขายค่อนข้างทรงตัว ซึ่งบริษัทฯ พยายามออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และทำตลาดออฟไลน์มากขึ้น เพื่อโปรโมทสินค้าตัวใหม่ ร่วมกับการทำตลาดบนออนไลน์ ส่วนตลาดสหรัฐฯ ผ่านช่องทางจำหน่าย COSTCO ได้มีการเพิ่ม SKU ให้มีรสชาติหลากหลาย และขยายไปในรัฐอื่นๆ มากขึ้น เช่น รัฐเท็กซัส และมินนิโซตา เป็นต้น อีกทั้งได้นำสินค้ากลับไปขายในบางช่องทางที่หายไปด้วย อย่างห้างขนาดใหญ่ของฟิลิปปินส์ ในสหรัฐฯ และการทำโปรโมทรสชาติเพิมเติม
ส่วนตลาดในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ยอดขายยังเติบโตดี จากการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น และมุ่งเน้นการครีเอทกับวันสำคัญ และนำสินค้าไปโรดโชว์ตลาดคอมมูนิตี้ต่างๆ เพื่อเจาะกระแสวัยรุ่น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมองโอกาสในการขยายตลาดไปยังยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ ผ่านการนำโมเดลจากสหรัฐเข้ามาปรับใช้ และเกาหลี จากช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมามีการนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย และได้รับกระแสตอบรับดี ทำให้มีออเดอร์ส่งออกแล้ว 3-4 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน และในเดือนก.ย.นี้ จะขยายเข้าสู่ 7-11 ที่เกาหลีเพิ่มเติม ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายก็จะแตกต่างจากสาหร่ายอบที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดเกาหลี เพื่อสร้างความแตกต่าง
นายจิระพงษ์ กล่าวว่า ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้น จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น และการทำกำไรในครึ่งปีหลัง แม้ต้นทุนสาหร่ายจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ จะมีการปรับราคาขายขึ้นในบางประเทศ และยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย (Product Mix) โดยเน้นไปที่การขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นดี รวมถึงการสร้างยอดขายในตลาดต่างประเทศ (Sale Export) ให้มากขึ้น
สำหรับต้นทุนสาหร่ายใหม่ ที่บริษัทฯ ได้ทำสัญญาจัดซื้อในปี 66 คาดว่าจะนำเข้ามาใช้ในการผลิตประมาณไตรมาส 4/66 ส่งผลทำให้ต้นทุนสาหร่ายจะเพิ่มขึ้นราว 15% จากต้นทุนสาหร่ายเก่า อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Productivity และเพิ่ม Utilization rate เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับสินค้าสำเร็จรูปมากขึ้น ขณะเดียวกันการปล่อยน้ำเสียจากเตาปฎิกรณ์ปรมาณู จากญี่ปุ่น ทาง TKN มีการจัดการเรื่องของคุณภาพตั้งแต่เริ่มทำการซื้อขายสาหร่ายมาอยู่แล้ว และในปี 67 ที่จะมีการจัดซื้อสาหร่าย ก็ได้มีการบอกให้ซัพพลายเออร์ ทำ Lab test น้ำ บริเวณที่มีการเพาะปลูกสาหร่ายเพิ่มขึ้นด้วย โดยการทำสัญญาซื้อสาหร่ายใหม่คาดจะเริ่มเจรจาในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.66 และจะทำสัญญา นำวัตถุดิบมาในช้ในเดือนเม.ย.67 ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมี.ค.68
อย่างไรก็ตามในการปล่อยน้ำจากฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น พบว่ากระแสน้ำไม่ได้พัดโดยตรงไปยังพื้นที่เพาะปลูกเกาหลี แต่จะพัดไปยังแปซิฟิกเหนือ ก่อนจะพัดกลับมาทางทะเลจีนใต้ ซึ่งคาดจะใช้เวลาราว 5-10 ปี ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นค่าความเข้มข้นก็น่าจะลดลงเหลือ 1 BQ/KG
ส่วนร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ (Taokaenoi Land) บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เติบโตไม่น้อยกว่า 10% โดยปัจจุบันมีสาขาที่เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ (Asiatique The Riverfront) จำนวน 1 แห่ง และมีแผนจะเปิดตัวเพิ่มเติมในช่วงต้นปี 67 อีก 1 แห่ง และยังคงมีแผนที่จะขยายร้านในแบบนำสินค้าเข้าไปขายแบบ Shop in Shop อย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจป๊อปคอร์น ที่ทำให้บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) คาดวางตลาดได้ในกลางเดือนก.ย.นี้ และธุรกิจร้านอาหาร ก็มีแผนที่จะเปิดร้าน 71 หมูกระทะด้วย