นางสาวสรญา เสฐียรโกเศศ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ (RABBIT) กล่าวว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจโรงแรมได้รับปัจจัยหนุนจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ทำให้อัตราการเข้าพัก และรายได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนห้องพักรวม 1,835 ห้อง อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 47.8% และค่าห้องพักเฉลี่ย 2,712 บาท/วัน ซึ่งจะสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ประกอบกับยังมีรายได้ที่มาจากค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานของ THE UNICORN พญาไท เข้ามาเสริมด้วย
ส่วนการขายที่อยู่อาศัย โครงการร่วมทุนกับ บมจ.แสนสิริ (SIRI) ยังคงมีการทยอยขายและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโครงการพร้อมอยู่ 2 โครงการ คือ KHUN By Yoo และ THE LINE Phahonyothin Park รวมทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการ คือ THE LINE VIBE และ THE LINE SATHORN ซึ่งมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) รวมกว่า 1.67 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจการเงินนั้น แรบบิท ไลฟ์ ประกันชีวิต เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่ครึ่งปีแรกชะลอตัวไป โดยบริษัทจะมีการเร่งเครื่องธุรกิจประกันชีวิตมากขึ้นเพื่อรองรับไฮซีซั่นของผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ด้วยการซื้อประกัน จึงมั่นใจว่าเป้าหมายเบี้ยรับรวมของแรบบิท ไลฟ์ ประกันชีวิต ปีนี้จะทำได้ 2.5-2.8 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกที่ทำได้ 1.27 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นางสาวสรญา ยอมรับว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลังจะพลิกกลับมามีกำไรหรือไม่นั้น ยังคงต้องรอลุ้นผลงานของ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ว่าจะมีผลขาดทุนหรือไม่ เนื่องจาก RABBIT ถือหุ้นอยู่ 17.83% แต่จากการที่ผู้บริหาร SINGER ได้ให้ข้อมูลก็เชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานน่าจะดีขึ้น และสามารถหยุดการขาดทุนได้ ซึ่งจะทำให้แรงกดดันจากการรับรู้ผลขาดทุนของ SINGER ลดลงในครึ่งปีหลัง
ประกอบกับ ในส่วนของการรับรู้การด้อยค่าของเงินลงทุนใน SINGER จะไม่มีเข้ามาแล้วในครึ่งปีหลัง เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้น SINGER เริ่มนิ่ง เป็นปัจจัยที่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของ RABBIT ที่จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ในช่วงหลังของปี 66
ส่วนธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ที่บริษัทเข้าลงทุนใน บริษัทบริหารสินทรัพย์ ไพร์มโซน จำกัด อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งจะมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนออกมาในช่วงหลังจากปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 โดยไพร์มโซนพร้อมจะเดินหน้าเข้าลงทุนซื้อหนี้ NPA และ NPL เข้ามาบริหาร เพื่อสร้างรายได้เข้ามา และทำให้บริษัทสามารถเข้าสู่ธุรกิจการเงินอย่างเต็มที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
นางสาวสรญา กล่าวถึงแผนการลงทุนของ RABBIT ว่า ปัจจุบันยังมีการลงทุนในโครงการ The Langham Custom House หรือโครงการร้อยชัก 3 ซึ่งจะเป็นโรงแรมหรู 5 ดาว ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งคืบหน้าไปแล้ว 21% ส่วนแผนการพัฒนาที่ดินทำเลสุขุมวิท 38 เป็นโครงการมิกซ์ยูส ร่วมกับ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) อยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบโครงการ คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลได้ในช่วงเดือนพ.ย.นี้
และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ RABBIT ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาขายสินทรัพย์เพิ่มเติม หลังจากครึ่งปีแรกมีความผันผวนของเศรษฐกิจและปัจจัยลบต่างๆ ทำให้ชะลอการขายออกไป ซึ่งแผนการขายสินทรัพย์ของบริษัทยังคงมีต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนผ่าน RABBIT ไปสู่ธุรกิจการเงินอย่างเต็มตัว