รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ ขายหุ้นบมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ออกจำนวน 7,262,800 หุ้นในราคาหุ้นละ 1.62 บาทและในวันเดียวกันนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ รับโอนหุ้น JKN จำนวน 30,000,000 หุ้น
ต่อมาวันที่ 1 ก.ย.66 นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ขายหุ้น JKN จำนวน 92,027,375 หุ้นๆละ 1.27 บาท และวันที่ 4 ก.ย.66 นายจักรพงษ์ ขาย JKN อีก จำนวน 36,800 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.07 บาท และในวันที่ 5 ก.ย.66 นายจักรพงษ์ รับโอนหุ้น JKN จำนวน 47,000,000 หุ้น
รายงานข่าวจาก JKN ระบุว่า นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ JKN ได้แจ้งกลต.เมื่อวานนี้ว่า มีรายการขายหุ้นและรับโอนหุ้นหลายรายการนั้น รายการขายหุ้นมาจากบัญชี มาร์จิ้น ถูกฟอร์ซเซลล์ หรือบังคับขาย เนื่องจากราคาหุ้นตกแรงกว่า 50% ใน 2 วัน แต่ได้มีการรับโอนหุ้น JKN เข้ามาเพิ่ม 77 ล้านหุ้น ทำให้ปัจจุบัน ยังคงถือหุ้น JKN ทั้งหมดเพิ่มเป็น 392,287,682 หุ้น คิดเป็น 38% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอันดับ 1 เหมือนเดิม
"ดิฉันยืนยันว่า ยังยืดหยัดบริหาร JKN และ ยังถือครองหุ้น JKN กว่า 38% ส่วนเรื่องหุ้นกู้นั้น บริษัทฯ JKN มีแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว โดยได้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายและ บริษัทผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย และจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น JKN239A ในวันที่ 27 กันยายนนี้ เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ จึงอยากขอให้ผู้ถือหุ้นกู้ และนักลงทุนอย่าได้หลงเชื่อข่าวลือ หรือเฟคนิวส์ต่างๆ และ ขอให้เช็คข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต. หรือ ติดต่อที่บริษัทฯเพื่อสอบถามได้ตลอดเวลา ดิฉันและผู้บริหารมีเจตนาที่จะดูแลเงินลงทุนและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างจริงใจ" นายจักรพงษ์ กล่าว