บมจ.คิวทีซีจี (QTCG) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนคต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180,000,000 หุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยมี บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน วัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทภายในปี 67-68
QTCG ดำเนินธุรกิจด้านงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical: M&E) อย่างครบวงจร ประกอบด้วย (1) ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร (2) ระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ (3) ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา และ(4) ระบบป้องกันไฟภายในอาคาร ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมยาวนานกว่า 22 ปี ลูกค้าของบริษัทเป็นผู้รับเหมาหลัก โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายปลายทางกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มอาคาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรม เป็นต้น
ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 บริษัทมีมูลค่างานที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ราว 691.27 ล้านบาท ได้แก่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550, โครงการ วัน อมตะ, อาคารตลาดยิ่งเจริญ, โครงการแอนดาซ รีสอร์ท พัทยา, อาคารหอประชุมกองทัพบก, อาคารโรงงาน ITC สมุทรสาคร, บิ๊ก ซี บางบอน เป็นต้น
บริษัทยังมีบริษัทย่อย คือ บริษัท บริหารสินทรัพย์ สุวรรณภูมิ จำกัด (SAMC) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์จากการรับซื้อหรือรับโอนลูกหนี้จากสถาบันการเงิน ตลอดจนหลักประกันของลูกหนี้เพื่อนำมาบริหารหรือจำหน่ายจ่ายโอนต่อไป และบริการติดตามทวงหนี้และเรียกเก็บหนี้ โดยบริษัทย่อยดังกล่าวได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เนื่องจากการประกอบธุรกิจไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท SAMC ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 จึงได้มีมติให้ SAMC หยุดการประกอบธุรกิจดังกล่าวเป็นการชั่วคราว คงเหลือไว้แต่ใบอนุญาตเท่านั้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 ประกอบด้วย กลุ่มเงินนำโชคธนรัตน์ 336,000,000 หุ้น คิดเป็น 80% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 56%, นางจารุวรรณ คุปตเมธี 21,000,000 หุ้น คิดเป็น 5% จะลดเหลือ 3.50%, นางสาววดี ฉันทพัชนี 21,000,000 หุ้น คิดเป็น 5% จะลดเหลือ 3.50% และ นายยศวีย์ วัฒนะธีระกิจจา 42,000,000 หุ้น คิดเป็น 10% จะลดเหลือ 7.00%
ผลประกอบการในช่วงปี 63-65 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากงานก่อสร้างและงานบริการ จำนวน 323.22 ล้านบาท จำนวน 625.48 ล้านบาท และ จำนวน 905.50 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุน 60.09 ล้านบาท ก่อนจะพลิกมามีกำไรสุทธิ 23.43 ล้านบาท และ 101.76 ล้านบาท ในปี 64-65
ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้จากงานก่อสร้างและงานบริการ 432.51 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 405.37 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10.39 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.99 ล้านบาท โดยกำไรลดลง 42.24% โดยมีสาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของงานก่อสร้างลดลงจาก 13.12% เหลือ 11.09% จากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นหลัก
ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 884.66 ล้านบาท หนี้สินรวม 601.47 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 283.19 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40.00% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการและหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้