นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ต่อรัฐสภา รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันที่ 13 ก.ย.นี้ โดยให้ระวังความผันผวนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพราะคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ตอกย้ำธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย และตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้น และเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยง
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ
ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,560 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,576.59 จุด เพิ่มขึ้น 75.86 จุด หรือ +0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,457.49 จุด เพิ่มขึ้น 6.35 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,761.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.69 จุด หรือ +0.09%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,690.54 จุด เพิ่มขึ้น 83.70 จุด หรือ +0.25% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,941.65 จุด ลดลง 260.48 จุด หรือ -1.4% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,119.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.89 จุด หรือ +0.09%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.ย.66) 1,547.17 จุด ลดลง 3.19 จุด (-0.21%) มูลค่าซื้อขาย 34,714.41 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,167.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. (8 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 87.51 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.3% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.ย.) อยู่ที่ 11.02 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.55 จับตาแถลงนโยบายรัฐบาล คาดกรอบวันนี้ 35.45-35.65
- "เศรษฐา" แถลงนโยบายรัฐ ลดค่าพลังงานทันที "น้ำมัน-ไฟฟ้า-ก๊าซ" ด้าน "พีระพันธุ์" เล็งแก้กฎหมายเอื้อนำเข้าเสรี สำเร็จรูปแบบน้ำมัน "พรายพล" ชี้ต้องแก้พลังงานที่โครงสร้าง ระบุภาษีดีเซลไทยสูง แนะลดเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น ระบุยืดจ่ายหนี้ กฟผ.แสนล้าน ลดเอฟทีแก้ปัญหาแค่ชั่วคราว "ผู้ค้าน้ำมัน" ยืนยันตลาดนำเข้าเสรีอยู่แล้ว ระบุค่าการตลาดเหมาะสมอยู่ที่ลิตรละ 2 บาท
- "เอกชน" เผยนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล สอดคล้องข้อเสนอภาคเอกชน แนะพักหนี้เกษตรกรต้องมีมาตรการเสริมเติมทุนหมุนเวียน เตรียมแผนรับมือเอลนีโญ อัดแผนปลุกท่องเที่ยว แนะเงินดิจิทัลหมื่นบาท เฉพาะผู้เดือดร้อน หนุนเชื่อมแอปเป๋าตัง "เสี่ยบุญสิทธิ์" เชื่อเงินดิจิทัลปลุกเศรษฐกิจได้ทันที
- คนท่องเที่ยวโอดนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวรัฐบาลเศรษฐาสุดสับสนจะเปิดฟรีวีซ่า ไม่ต้องขอ หรือแค่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า เผยนักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทาง ตลาดเสียหายแล้ว 2 สัปดาห์ ย้ำต้อง "ฟรีวีซ่า" เท่านั้น ยันแค่ 3 เดือนไร้ประโยชน์ ขอลากยาว 6 เดือนทั้งจีน-อินเดีย สายการบิน โรงแรมลุ้นหนัก
- แบงก์เข้มปล่อยกู้โครงการอสังหาริมทรัพย์ "เศรษฐกิจชะลอ-กำลังซื้อหด" เอฟเฟ็กต์ แอชตันอโศก "กสิกรไทย-กรุงเทพ" ย้ำเช็กละเอียดทั้ง "ทางเข้าออก-ใบอนุญาตก่อสร้าง-EIA" "ทิสโก้-LH Bank" เผยสัดส่วนหนี้ต่อทุนไม่สูง-ยอดพรีเซล 40-50% "CIMBT" ลดเสี่ยงปล่อยไม่เกิน 15% ของพอร์ตรวม ไม่เน้นตลาดคอนโดฯ
*หุ้นเด่นวันนี้
- OSP (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 33 บาท แนวโน้มไตรมาส 3/66 ยังดูดี แม้รายได้อาจอ่อนลงเล็กน้อย q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดได้อานิสงส์ต้นทุนก๊าซปรับลงหนุน Margin ฟื้น คาดกำไรจะกลับมาเติบโต y-y ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ไตรมาส และคาดกำไรปกติปี 66 ที่ 2.5 พันลบ. +29% y-y และโตต่อเนื่องเป็น 2.9 พันลบ. +19% y-y ในปี 67 และคาดว่า OSP จะเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาในช่วงไตรมาส 4/66-ไตรมาส 1/67
- SAK (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 6.7 บาท ราคาหุ้นลงมาราว 15% YTD บนความกังวลกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้าและคุณภาพสินทรัพย์แย่ลงช่วงต้นปี อย่างไรก็ดีภาพแนวโน้มธุรกิจคาดจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง มอง NPL เริ่มคุมได้ทำให้ credit cost ครึ่งปีหลังจะต่ำลง อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและนโยบายภาครัฐช่วยหนุนมองเป็นบวก กอปรกับราคาหุ้นมี upside valuation ทำให้เรามองหุ้นมีความน่าสนใจเข้ากับกระแสปัจจุบัน
- STEC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 12.80 บาท ประเมินภาพรวมธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังสดใสมากขึ้น พื้นฐานยังแข็งแกร่งจาก Backlog กว่า 9 หมื่นล้านบาท หลายโครงการเข้าสู่ช่วงรับรู้รายได้เพิ่ม เช่น รถไฟทางคู่เด่นชัย, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รวมกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่หลังตั้งรัฐบาลแล้วคาดการประมูลงานต่างๆ เดินหน้าต่อได้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟทางคู่ "ขอนแก่น-หนองคาย", มอเตอร์เวย์เข้าอู่ตะเภา เป็นต้น ปัจจุบันคาดว่าปี 66 และ67 กำไรสุทธิจะฟื้นต่อเนื่องมาที่ 987 ลบ. (+15%YoY) และ 1,050 ลบ.(+6%YoY) ตามลำดับ