นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บมจ.ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) (HFT) กล่าวว่า แนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก จากครึ่งปีแรกที่ทำยอดขายได้ 1.24 พันล้านบาท แต่ในภาพรวมของยอดขายทั้งปี 66 คาดว่าจะทรงตัวหรืออาจจะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากยอดขายยางล้อรถในยุโรปที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากยุโรปยังไม่มีการ Restock สินค้า และยังไม่มีแนวโน้มที่จะ Restock ในช่วงที่เหลือของปีนี้
"พฤติกรรมของคนยุโรปจากการที่ซื้อล้อใหม่มาเป็นการนำจักรยานมาเปลี่ยนยางล้อแทน เมื่อคู่ค้าสามารถระบายสต็อกสินค้าได้ดีต่อเนื่องก็มีแนวโน้มก็จะกลับมา Restock สินค้าได้ในปีหน้า ส่วนยอดขายในประเทศอื่นก็ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง" นายจวง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/66 จะมาจากกลุ่มผู้ประกอบการที่มีโรงงานผลิตในประเทศที่บริษัทได้รับคำสั่งซื้อยางล้อรถมอเตอร์ไซค์เจ้าใหญ่ 1 ราย และอีก 1 เจ้าเป็นยางล้อรถกอล์ฟที่เข้ามาหนุนยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เร่งตัวขึ้นแตะ 60% ของยอดขายล้อมอเตอร์ไซด์ที่ลดลงไป
ขณะที่ความท้าทายของธุรกิจที่เผชิญนั้นมีความท้าทายในเรื่องของยางล้อมอเตอร์ไซด์จากจีนที่เข้ามาแข่งขัน โดยในระยะข้างหน้าหากมีผู้ผลิตมอเตอร์ไซด์จากจีนเข้ามามากขึ้น จะส่งผลให้ยางมอเตอร์ไซด์จากจีนเข้ามา รวมถึงการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตยางมอเตอร์ไซด์ของผู้ประกอบการจีน ซึ่งในส่วนนี้บริษัทได้มีการเตรียมรับมือในเรื่องของสถานการณ์ข้างหน้าที่มีโอกาสเกิดขึ้น
แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ยอดขายที่ยังไม่ฟื้นกลับมาอย่างเต็มที่ แต่บริษัทยังคงเดินหน้าในการรักษามาร์จิ้นให้อยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะการควบคุมต้นทุนต่างให้มีประสิทธิภาพ โดยได้รับอานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบล็อตใหม่ที่ปรับลดลงตั้งไตรมาส 2/66 ควบคู่กับการทยอยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาโรงงาน ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 4.7 เมกะวัตต์ คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนพลังงานลงได้ราว 20-25 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมความพร้อมในการต่อยอดธุรกิจของบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตมากขึ้น โดยที่มีแผนในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปี 67