นายณัฏฐชัย ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) เปิดเผยว่า จากผลกระทบของวิกฤตโควิด 19 และภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบระดับหนึ่งจากต้นทุนราคาสินค้าที่สูงขึ้น สะท้อนมาที่ผลประกอบการในปีนี้ ทำให้บริษัทปรับลดเป้ารายได้จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 10-20% เป็นเติบโต 5% หรือประมาณ 1.3-1.4 พันล้านบาท ขณะที่คาดว่าสถานการณ์ในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น
บริษัทพยายามรักษาระดับปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ให้อยู่ที่ 2-3 พันล้านบาท ปัจจุบันมี Backlog ราว 2,798 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโครงการ 2,510 ล้านบาท เหลืออีก 69% ที่รอการรับรู้รายได้ งานโครงการบำรุงรักษามูลค่า 258 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ 70% และ Backlog จากการขายสินค้า 30 ล้านบาท รอรับรู้รายได้อีก 59%
นายณัฏฐชัย กล่าวว่า จากจำนวน Backlog และสัญญาโครงการที่คาดว่าจะเซ็นได้ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ก็สอดคล้องกับการดำเนินงานของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่บริษัทกำลังดำเนินงานอยู่ อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือ การสนับสนุนอุตสาหกรรม EV ซึ่งบริษัทได้เข้าไปเริ่มต้นดำเนินงานภายใต้ผลิตภัณฑ์ MaCharge รวมทั้งโครงการ Smart Warehouse ที่ช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยเอาเทคโนโลยีและหุ่นยนต์เข้ามาใช้ ซึ่งบริษัทได้เข้าไปประมูลงานแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าทิศทางการดำเนินงานบริษัทควบคู่ไปกับนโยบายและมาตรการของรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อแลการดำเนินงานของบริษัทด้วย
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้รวมจากธุรกิจหลัก 485.9 ล้านบาท ลดลง 304.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในปี 65 บริษัทเร่งส่งมอบโครงการขนาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ปี 66 อยู่ในช่วงเริ่มต้นโครงการใหม่จึงสะท้อนไปยัง Backlog ที่มีปริมาณสูง รวมทั้งต้นทุนด้านวัสดุ อุปกรณ์และค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนสำหรับงานโครงการสูงขึ้น ส่งผลบริษัทมีผลขาดทุนช่วงครึ่งปีแรก 138.7 ล้านบาท