นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะขยายธุรกิจแบบ B2B ด้วยการเล็งเห็นศักยภาพของตลาดค้าส่งอาหารในยทย ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเปิดตัวธุรกิจค้าส่ง (Central Food Wholesale) แบรนด์ GO Wholesale เพื่อเป็น New Growth Engine ให้กับกลุ่ม CRC ที่จะเติมเต็มกลุ่มฟู้ดให้เป็น Total Solution และตอบโจทย์ทุกกลุ่มได้อย่างครบวงจร ภายใต้คอนเซ็ป The New Choice for All
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 4 กลุ่ม ได้แก่ Food Retailer, Food Services, Food Lovers และกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง (HoReCa) ซึ่ง CRC สร้าง Platform of Trust ให้กับทุก Stakeholders ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆที่ดีที่สุดให้กับผู้ประกอบการ พร้อมการสนับสนุนจาก Power of Network ของกรุ๊ป ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า 110 แห่ง ที่ครอบคลุมใน 100 จังหวัด ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ร้านอาหารกว่า 6,750 ร้าน และ โรงแรม 93 แห่ง นอกจากนี้เรายังมี Loyalty Platform ที่ครอบคลุมลูกค้ามากกว่า 28 ล้านราย
ทั้งนี้ ธุรกิจค้าส่งของ CRC วางเป้าหมายภายใน 5 ปี จะมียอดขายอยู่ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้สัดส่วนยอดขายจากธุรกิจค้าส่งของ CRC สูงขึ้นกว่าในปัจจุบันที่มีสัดส่วนยอดขายค้าส่ง 17% ของยอดขายรวม โดยใช้ช่วง 5 ปีจะใช้เงินลงทุนเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ขยายสาขาในประเทศให้ครบ 40-50 สาขาภายในปี 71 เริ่มจาก 4 สาขาในไตรมาส 4/66 ได้แก่ ศรีนครินทร์ เชียงใหม่ พัทยา และชลบุรี พี้นที่สาขาเฉลี่ย 7,000-8,000 ตารางเมตร/สาขา ตั้งเป้าจะเปิดเฉลี่ยเดือนละ 1 สาขา ซึ่งในบางสาขาของ Go Wholesale จะมีการปรับจากสาขาของไทวัสดุ หรือ BnB home มาเป็น Go Wholesale พร้อมตั้งเป้าระยะเวลาคืนทุนต่อสาขาราว 2 ปี
ส่วนของสมาชิกที่เข้ามาใช้บริการ Go Wholesale ตั้งเป้าใน 5 ปี จะมีจำนวนกว่า 1 ล้านสมาชิก ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจากฐานลูกค้า Loyalty The1 ในกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งจะผลักดันให้ยอดขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งเพิ่มเป็น 6-7 หมื่นล้านบาท ตามเป้าหมายได้ภายใน 5 ปี และสัดส่วนยอดขายที่มาจากธุรกิจค้าส่งจะเพิ่มเป็น 25-26% ใน 5 ปี จากปัจจุบันที่ 17%
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ธุรกิจในเครือ CRC เปิดเผยว่า GO Wholesale คือ ศูนย์ค้าส่งสินค้าระบบสมาชิก ในราคาขายส่ง เพื่อผู้ประกอบการ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มธุรกิจโฮเรก้า กลุ่มผู้ชื่นชอบการทำอาหาร กลุ่มผู้ให้บริการอาหารในโรงงาน โรงพยาบาลและหน่วยงานอื่น ๆ รวมถึง ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชห่วย) โดยจุดเด่นคือการนำเสนอสูตรแห่งความสำเร็จให้แก่ผู้ประกอบการในด้านต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงใจ พร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทักษะ และต่อยอดธุรกิจรายย่อยให้มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตไปด้วยกัน สอดคล้องไปกับแนวคิด "โตเร็ว โตไกล โตไปกับ GO" หรือ Grow with GO
เป้าหมายระยะแรกของ GO Wholesale คือ การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเข้าไปอยู่ในใจผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าทุกกลุ่ม ที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นคง โดยได้วางแผนการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในปี 71 และมีแผนจะเปิดสาขาแรกบนถนน ศรีนครินทร์ในวันที่ 27 ต.ค. 66
นายริคาร์โด้ โบอารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจเซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า ศูนย์ค้าส่ง GO Wholesale สาขาแรกที่ศรีนครินทร์ มีพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร ด้วยการออกแบบ Store Layout รูปแบบใหม่ที่พร้อมตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจโฮเรก้า ร้านอาหารและร้านค้าปลีก และการให้บริการใหม่ๆ ที่มีความหลากหลาย เพื่อมาช่วยสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าผู้ประกอบการ พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ ด้วยสินค้ามากกว่า 20,000 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนกอาหารสด ซึ่งมีตั้งแต่อาหารทะเลเป็นๆ, เนื้อคุณภาพพรีเมียม และการให้บริการตัดแต่งสินค้าตามความต้องการของลูกค้า, บริการชำระเงินด้วยช่องทางที่หลากหลาย, การให้บริการทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อ และสิทธิประโยชน์สมาชิกที่หลากหลาย ที่รวมถึงลอยัลตี้แพลตฟอร์ม The 1 ในเครือเซ็นทรัล
นายญนน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจของ CRC ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้คาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นในไฮซีซั่นที่เข้าสู่ช่วงเทศกาลและการท่องเที่ยว ทำให้มีการจับจ่ายคึกคัก ส่งผลบวกต่อบริษัท และการที่เริ่มธุรกิจ Food Wholesale ในการเปิดร้าน Go Wholesale จะเข้ามาขยายฐานลูกค้าผู้ประกอบการ ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเริ่มธุรกิจค้าส่ง เพราะจะมีลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาซื้อสินค้ารองรับการให้บริการแก่ลูกค้าในช่วงเทศกาล และเสริมต่อยอดขายรวมของ CRC ในปี 66 เติบโตได้ตามเป้าหมาย 12-15%
ส่วนการที่รัฐบาลมีการเดินหน้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภค โดยเฉพาะมาตรการฟรีวีซ่าจีนชั่วคราวมองว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากขึ้นในช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งส่งผลบวกต่อการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกจะได้รับอานิสงส์บวกไปด้วย เพราะมีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ด้านโครงการ Digital Wallet 10,000 บาท มองว่าก็จะส่งผลบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศมากขึ้น เป็นปัจจัยหนุนต่อผู้ประกอบการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งด้วยเช่นกัน ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องติดตามว่ารายละเอียดของโครงการจะออกมาอย่างไร อย่างไรก็ตามมองว่าในส่วนของผู้ประกอบการก็มีความมั่นใจมากขึ้นหลังมีการจัดตั้งรัฐบาลและเริ่มขับเคลื่อนนโยบายต่างๆออกมา ทำให้สามารถกลับมาตัดสินใจเดินหน้าลงทุนได้มากขึ้น