นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ.โฮม พอตเทอรี่ (HPT) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปี 66 ลงเหลือแค่ทำได้ใกล้เคียงกับปี 65 ที่มีรายได้รวม 325.42 ล้านบาท เนื่องจากแผนเดิมที่จะมีการขยายการผลิตในช่วงเดือน เม.ย.66 ถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เร่งส่งสินค้าปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาระดับรายได้ไม่ให้ลดลงจากปีก่อน โดยปัจจุบันมีปริมาณคำสั่งซื้อในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 80.78 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยส่งมอบในไตรมาส 4/66 จนถึงไตรมาส 1/67
สำหรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้พลังงาน และเพิ่มปริมาณการผลิต ส่วนหลักคือการขยายเตาเผาบิสกิต คาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ในช่วงไตรมาส 2/67 เมื่อขยายเสร็จจะสามารถทยอยเพิ่มปริมาณการผลิตได้ประมาณ 10-15% และจะค่อย ๆ เพิ่มจนสูงสุดที่ 30-40% ของปริมาณการผลิตเดิม ส่งผลให้รายได้ในปี 67 เพิ่มขึ้นอย่าวมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ในระหว่างการวางแผนขยายเตาเผา บริษัทยังเพิ่มกำลังการผลิต Stoneware Alumina ซึ่งมีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ชิ้นอื่น และร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ กับพันธมิตรของบริษัท เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องพึ่งพิงฐานผลิตดั้งเดิม ซึ่งตอนนี้บริษัทมีความพยายามอย่างเต็มที่ เพิ่มจะหาฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพื่อจะรองรับกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ได้พัฒนาขึ้น คาดว่าสัดส่วนรายได้กลุ่ม Stoneware จะเพิ่มขึ้นจากปี 66 ซึ่งอยู่ที่ 12.67% ของสัดส่วนปริมาณเซรามิกที่จำหน่าย เป็น 21.42% ในปี 67 และผลิตภัณฑ์ Stoneware Alumina เพิ่มเป็น 7.14% ในปี 67 จากเดิม สัดส่วนที่ปริมาณจำหน่าย 1.33%
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.45 ล้านบาท ลดลง 39.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าใช้จ่ายในทุกๆ ด้าน ทั้งราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งบริษัทได้หาแหล่งวัตถุดิบใหม่นำมาปรับใช้กัลสูตรการผลิตเพื่อให้มีคุณภาพใกล้เคียงหรือดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนต้นทุนค่าพลังงาน บริษัทได้ลงทุนทำโซลาร์รูฟท็อป และติดตั้งแก๊ซถังใหม่เป็นของตัวเอง ทำให้มีทางเลือกในการใช้พลังงานที่หลากหลาย โดยจะเห็นภาพต้นทุนที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนความกังวลว่าในอนาคตอุตสาหกรรมอาจมีการนำเข้าเครื่องจักรและนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการผลิตมากขึ้น ทำให้การแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น บริษัทมองว่า AI ยังไม่สามารถแทนแรงงานคนได้ทั้งหมด ทั้งเรื่องงานศิลป์และความแม่นยำ และในอนาคตอันใกล้ AI ก็ยังจะไม่สามารถทดแทนฝีมือหัตถกรรมในการทำงานศิลปะเท่ากับมนุษย์ได้ ทั้งนี้บริษัทมุ่งเน้นการทำอุตสาหกรรมเซรามิคโดยมุ่งเน้นการนำผสมผสานระหว่างศิลปะและอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์มากขึ้น