นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซดเวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์ หลังจากเมื่อวานนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง สะท้อนภาพว่าการแกว่งตัวแนวโน้มขาขึ้นในช่วงระยะกลางเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาถูกทำลายลงแล้ว ตอนนี้จะเปลี่ยนมาเป็นลักษณะของการแกว่งไซด์เวย์ ส่วนหลังจากที่หลุด 1,540 จุดลงมาจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,515 จุด ให้จับตาที่โซนแนวรับตรงนี้
ในส่วนของตลาดหุ้นภูมิภาคที่เช้านี้เปิดตัวมายังค่อนไปทางลบ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนทางฝั่งของสหรัฐจะทรงตัว แต่เอเชียยังคงซึมตัวอยู่ นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ โดยตลาดมีมุมมอง 50:50 ว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในเดือนพ.ย.หรือเดือนธ.ค. แต่คาดว่ารอบนี้คงดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามรอติดตาม Dot plot ว่าจะมองเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีนี้อีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยกี่ครั้งในปีหน้า เนื่องจากเมื่อเดือนมิ.ย. Dot plot มองว่าปีหน้าจะปรับลดเพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งหากรอบนี้ปรับลดน้อยกว่า 4 ครั้ง สะท้อนว่าดอกเบี้ยจะสูงยาวนานกว่าที่คิด
นอกจากนี้เมื่อวานหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศปรับลดค่าไฟอีกรอบ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลง คาดวันนี้จะซึมตัว เนื่องจากไม่มีประเด็นใหม่หนุนหลังจากปรับลดค่าไฟลงแล้ว โอกาสที่จะปรับขึ้นอีกในปีหน้าค่อนข้างน้อย ต้องติดตามต้นทุนก๊าซว่าจะต้องปรับตัวลง เพื่อมาชดเชยส่วนนี้
โดยให้แนวต้าน 1,530 - 1,535 จุด แนวรับ 1,520 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,624.30 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,453.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.21 จุด หรือ +0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,710.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.01%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,296.23 จุด ลดลง 236.86 จุด หรือ -0.71% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,942.07 จุด เพิ่มขึ้น 11.52 จุด หรือ +0.06% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,123.99 จุด ลดลง 1.94 จุด หรือ -0.06%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ย.66) 1,527.57 จุด ลดลง 14.46 จุด (-0.94%) มูลค่าซื้อขาย 42,566.65 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,583.56 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. (18 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 91.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2565
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ย.) อยู่ที่ 9.97 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.69 แกว่งแคบตามภูมิภาค ให้กรอบ 35.60-35.80 รอลุ้นประชุมเฟด-BoE-BOJ
- ครม.เร่งเครื่องเศรษฐกิจ ดันปีหน้า แตะ 5% ลดค่าครองชีพเพิ่ม หั่นค่าไฟเหลือ 3.99 บาท "เศรษฐา" ชี้แจกเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจล่วงหน้า 3 เดือน หนุนเอกชนลงทุนจ้างงาน เผยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท 1 ม.ค.67 "คมนาคม" เตรียมชง ครม.ดันรถไฟฟ้า 20 บาท "แบงก์พาณิชย์" เผยลูกหนี้แห่ขอปรับโครงสร้างหนี้พุ่งอีกรอบ เหตุเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่มั่นใจยังบริหารหนี้เสียได้
- "ภากร" ชี้ หุ้นไทยไซด์เวย์ เหตุปัจจัยทั้งในประเทศ-ต่างประเทศกดดัน แนะเลือกลงทุนเป็นรายกลุ่ม-รายตัวที่ ผลดำเนินงานฟื้นตัว ด้าน "บล.เอเซีย พลัส" ชี้ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 1,530 จุด ส่งผล ขาดความเชื่อลงทุน มองแนวรับถัดไป 1,500 จุด ด้านบล.กสิกรไทย เผยนักลงทุนชะลอลงทุน รอผลประชุมเฟด แนะยังเทรดดิ้งได้ แต่ไม่เพิ่มเงินลงทุน ใช้วิธีโยกเงิน
- ครม.เห็นชอบกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ 67 ที่สำนักงบประมาณเสนอ ตามมติการประชุมการทบทวนวงเงินงบฯ ปี 67 ของ 4 หน่วยเศรษฐกิจ กำหนดวงเงินงบประมาณฯ ที่ 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 66 จำนวน 1.3 แสนล้านบาท ให้สอดคล้องเศรษฐกิจปัจจุบันและกรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของงบประมาณส่วนใหญ่เป็นงบฯ ด้านการลงทุน
- ครม.แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการการเมืองคึกคัก ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติ/เห็นชอบแต่งตั้ง "พรอนงค์ บุษราตระกูล" นั่งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
*หุ้นเด่นวันนี้
- PSL (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 12.5 บาท ค่าระวางเรือขนาด Supramax ซึ่งเป็นดัชนีใช้อ้างอิงสำหรับ PSL ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นไปแล้วเกือบ 30% MTD และ 66% QTD จากการกลับมา restock สินค้าในกลุ่ม minor bulk รวมถึงสินค้าเกษตรจากความกังวลเรื่องอาหารขาดแคลน (Food shortage) มองบริษัทมีโอกาสพลิกมีกำไรได้ในไตรมาส 3/66 ขณะที่ valuation ยังไม่แพง ซื้อขายต่ำ BV
- GLOBAL (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 22.20 บาท คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 2, SSSG ที่ทยอยฟื้นตัว (ติดลบน้อยลง) ขณะที่ราคาเหล็กซึ่งกดดันกำไรในช่วงครึ่งแรกปี 66 กลับมาฟื้นตัวทำให้ปัญหาขาดทุนจากสินค้าคงคลังจะหมดไป
- JMT (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 70.00 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/66 เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 575-600 ล้านบาท แรงหนุนจากการเก็บเงินสดที่ทำได้ดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป