นางธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด (FPCT) ในเครือบมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า จากก้าวแรกบนวิถีความกล้าที่จะต่างจากผู้เล่นรีเทลรายอื่นในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองแห่งเดสติเนชันด้านไลฟ์สไตล์ FPCT ได้เลือกที่จะพัฒนาพื้นที่รีเทลรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด "การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน" เมื่อ 4 ปีก่อน บริษัทได้สร้างกลยุทธ์เพื่อเดินหน้าธุรกิจท่ามกลางความท้าทายที่เข้ามา
โดยกลยุทธ์พิชิตความสำเร็จของ FPCT ในบทบาทเพื่อนที่ดีของชุมชน คือ Inspiring Everyday Experiences หรือ การเนรมิตพื้นที่รีเทลยุคใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ผสานแรงบันดาลใจได้ทุกวัน โดยเน้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สนับสนุนชุมชน-สังคมในด้านต่างๆที่สำคัญทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
กลยุทธ์ยืนหนึ่งมิกซ์ยูส : เสริมความแกร่งด้านที่ตั้งในทำเลศักยภาพ ด้วยการตั้งเป้าหมายรองรับกลุ่ม Mass meet Niche target ซึ่งมีความเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาที่สามย่านมิตรทาวน์ และกลุ่มคนทำงานสำหรับสีลมเอจ ขณะเดียวกัน ยังมีความยืดหยุ่นสำหรับการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายให้เข้ามาใช้บริการ พร้อมทั้งรองรับการให้บริการด้วย ecosystem ที่แข็งแกร่งภายในมิกซ์ยูสจากกลุ่มคนทำงานภายในอาคาร รวมถึงผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียม (สำหรับสามย่านมิตรทาวน์)
การส่งมอบพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับทุกคน : ยึดมั่นในความต้องการของลูกค้า-ชุมชนเป็นสำคัญ FPCT มุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์ที่สอดรับกับคุณค่าร่วม (Shared Value) พร้อมให้ความสำคัญกับการรักษาอัตลักษณ์ของพื้นที่ที่เข้าไปพัฒนา เพื่อสานต่อความเป็นส่วนหนึ่งและเสิร์ฟทุกความต้องการของลูกค้าในชุมชน โดยมีเป้าหมายเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาใช้ชีวิตได้ทุกวัน ในทุกช่วงเวลา ซึ่ง FPCT คือศูนย์การค้าใจกลางเมืองแห่งแรกที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังได้สร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่ชุมชน อาทิ อุโมงค์เชื่อมมิตร สวนลอยฟ้า และเปิดพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ โดยที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้นักศึกษาจัดแสดงผลงาน ใช้พื้นที่เพื่อรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมในสังคม รวมถึงแสดงงานศิลปะ เป็นต้น
การปรับตัวตอบรับเทรนด์อย่างรวดเร็ว (Trend Responsiveness) : เสริมจุดแข็งให้พื้นที่รีเทลด้วยการจับกระแสต่าง ๆ อย่างฉับไวในการสร้างแคมเปญและกิจกรรมที่เป็นแม็กเน็ตการตลาดเพื่อดึงดูดใจผู้ใช้บริการ และยังเป็น Retail Sandbox เปิดโอกาสให้ธุรกิจหน้าใหม่ และสินค้าทดลองตลาดได้แจ้งเกิดในพื้นที่เช่าแบบหมุนเวียน ช่วยเพิ่มความหลากหลายและสีสันให้กับประเภทร้านค้า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
ปัจจุบัน สายธุรกิจรีเทลของ FPCT นับได้ว่าประสบความสำเร็จ สะท้อนจากตัวเลขทราฟฟิกซึ่งสูงขึ้นกว่า 40% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด โดยมีทราฟฟิกอยู่ที่ 77,000 คน/วัน รวมถึงสามารถรักษาอัตราการเช่าสูงถึง 98% และมีอัตราการต่อสัญญาอยู่ที่ 97% แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจสำหรับการเป็น Meeting place for all
"การเริ่มต้นของบริษัทในช่วงแรกเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างมากในฐานะผู้พัฒนาอสังหา สายรีเทลหน้าใหม่ที่เริ่มเดินหน้าธุรกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบทั่วโลก แต่ด้วยเบื้องหลังแนวคิดธุรกิจที่บริษัท ยึดมั่นในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เราจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับผู้คน-ชุมชน หรือ Community-Centric ในการคิดและพัฒนาธุรกิจ และเป็นแรงผลักดันการสร้างสรรค์พื้นที่รีเทลแบบใหม่เพื่อตอบสนองดีมานด์ของคอมมูนิตี้ที่เราดำเนินงาน โดยพื้นที่แรกคือสามย่านมิตรทาวน์ และเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาได้พัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติมที่สีลมเอจ"
ทั้งนี้บริษัทในฐานะต้นแบบโมเดิร์นรีเทลที่ยึดมั่นในการสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืน FPCT จะเดินหน้าสานต่อจุดยืนในการเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ พร้อมสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนในด้านดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม รวมถึงมีส่วนร่วมให้ธุรกิจรายย่อยได้เติบโตผ่านพื้นที่ Sandbox นอกจากนี้ ด้านแผนธุรกิจ FPCT ตั้งเป้าขยายพื้นที่รีเทลและปรับสัดส่วนของร้านค้าภายในสามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และส่งเสริมการเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน