นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ทำให้ตลาดปรับคาดการณ์ใหม่โดยให้น้ำหนักมากขึ้นว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ และการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ระบุว่าดอกเบี้ยจะลงช้ากว่าที่ตลาดหรือเฟดประเมินไว้ครั้งก่อน ซึ่งคาดว่าจะปรับลงในช่วงครึ่งปีหลังของปีหน้า เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงลงช้า
ทั้งนี้อัตราการปรับลดของดอกเบี้ย จากเดิมที่จะลดเป็นเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ลดเพียงแค่ 0.5% สะท้อนว่าเฟดยังคงพยายามเลี้ยงดอกเบี้ยในระดับที่ค่อนข้างสูง และสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในยุโรปปรับตัวขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลง คาดว่าในวันนี้เงินลงทุนจากต่างชาติไหลออกต่อ
ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อหลังจากนี้คือการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ สู่ระดับ 5.5% และการการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จับตาทิศทางการส่งสัญญาณปรับนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งหากส่งสัญญาณที่จะเข้มงวดนโยบายการเงินในอนาคต อาจจะทำให้บอนด์ยีลและสภาพคล่องโลกอาจจะลดลงได้
ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,495 - 1,505 จุด และแนวต้าน 1,520 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,440.88 จุด ลดลง 76.85 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,402.20 จุด ลดลง 41.75 จุด หรือ -0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,469.13 จุด ลดลง 209.06 จุด หรือ -1.53%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,865.56 จุด ลดลง 158.22 จุด หรือ -0.48% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,795.80 จุด ลดลง 89.80 จุด หรือ -0.50% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,103.18 จุด ลดลง 5.39 จุด หรือ -0.17%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ย.66) 1,507.90 จุด ลดลง 15.06 จุด (-0.99%) มูลค่าซื้อขาย 54,490.73 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,343.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.0% ปิดที่ 90.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ย.) อยู่ที่ 9.42 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.25 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มอ่อนค่า หลังเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
- บอนด์ยีลด์ไทย 10 ปีขึ้นแรง แตะ 3.2% สูงสุดในรอบปี "สมาคมตราสารหนี้" ชี้บอนด์ยีลด์ขึ้น มาจากความกังวลนักลงทุน หลังคาดบอนด์ล้นตลาด ส่งผลเทขายบอนด์สะพัด "กรุงไทย" หวั่นต้นทุน ภาครัฐพุ่ง หากกู้เงินผ่านการออกบอนด์ ชี้เงินบาทอ่อนค่าแรง สวนทางเพื่อนบ้าน
- "เศรษฐา" พบบิ๊กเทคฯ "ไมโครซอฟท์ กูเกิล" วันนี้พร้อมดึง "ไมโครซอฟท์" ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย ขณะที่ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ยังไม่ปฏิเสธ หรือตอบรับ คาดไมโครซอฟท์จะใช้เงิน ลงทุนไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท นายกฯ ประกาศบนเวที UNGA 78 ตั้งเป้า เคลื่อนไทยสู่เป้าหมายยั่งยืนหนุนลงทุน ในธุรกิจสีเขียวจาก 1.25 หมื่นล้านดอลล์ เป็น 4.5 หมื่นล้านดอลล์
- "หุ้นไทย" ส่อปรับตัว ลดลงต่อ เหตุ ไร้ข่าวดี ต่างชาติ-กองทุนเทขาย อีก 3.49 พันล้าน "บล.เอเซีย พลัส" คาดยังไม่เห็น แรงรีบาวนด์ แต่แรงขายชะลอ มองดัชนี 1,500 จุด เป็นจังหวะทยอยสะสม ด้าน "บล.กสิกรไทย" ชี้ ดัชนี วันนี้มีโอกาสแตะ 1,490 จุด
หุ้นเด่นวันนี้
- CPN (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 82 บาท ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกำไรของ CPN ในครึ่งปีหลังนี้ หลังทุกธุรกิจกลับมาปกติตั้งแต่ไตรมาส 1/66 บริษัทยังมีแผนขยายศูนย์การค้า ออฟฟิศ โรงแรมและอสังหาฯภายใน 5 ปี (66-70) ด้วยเงินลงทุน 1.35 แสนล้านบาท และตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ย 14-16% ต่อปีในช่วงปี 66-70 ประมาณการของเรา Conservative กว่ามากโดยคาดรายได้โตเฉลี่ย +8% CAGR สำหรับปี 66-67 เราคาดกำไรทำ new high ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท +18% y-y และ 1.4 หมื่นล้านบาท +9% y-y ตามลำดับ แต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 60
แนวรับ 64-62 บาท แนวต้าน 67-70 บาท
- III (ไอร่า) แนะนำทยอยซื้อสะสม ราคาเป้าหมาย 13.80-14.20 บาท ให้แนวรับ 12.70-12.40 บาท คาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากอุปสงค์ความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นก่อนวันหยุดในช่วงปลายปี ขณะที่ III ยังอยู่ในช่วง ของการซื้อหุ้นคืนตามแผนที่ 25 ล้านหุ้น คาดเป็นปัจจัยบวกต่อ ทิศทางราคา III ได้ต่อ
ทางเทคนิค ราคาอยู่ในกรอบขาขึ้นอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับที่ EMA200 วัน แล้วพยายามฟื้นตัวขึ้นแต่ MACD และ SSTO ยังอ่อนกำลังอยู่
- MASTER (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 79.50 บาท คาดกำไร ไตรมาส 3/66 จะกลับมาโตอีกครั้ง ทำสถิติใหม่ หลังจากการเพิ่มห้องผ่าตัดใหม่ 10 ห้อง รวมเป็น 17 ห้อง ซึ่งเริ่มทำงานแล้ว หนุนรายได้ขยายเด่น , ลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเร็ว และมียอดใช้จ่ายสูง ผสานกับแผน M&P จะหนุนให้กำไรเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงถัดไป
คาดกำไรปีนี้ที่ 384 ล้านบาท (+26.7%y-y) และมีโอกาสทำสถิติใหม่ต่อเนื่องอีก 4 ปี ดัวยอัตราเติบโต +28.7% ตามเมกะเทรนด์ที่แข็งแกร่ง