นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/67 บริษัทมีแผนแปลงสินทรัพย์บางส่วนให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล (Digitalize) โดยเฉพาะธุรกิจเดินรถ "ไทยสมายล์บัส" เพื่อเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งจะส่งผลบวกต่องบการเงินของบริษัท และเป็นโอกาสของนักลงทุนและเป็นส่วนร่วมใน EV Ecosystem infrastructure ได้ ซึ่งบริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในอนาคต
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่องตามแผน โดยมั่นใจว่ารายได้ปี 66 จะเติบโตได้ถึง 50% จากปีก่อนแตะระดับ 41,300 ได้ตามเป้าหมาย และกำไรขั้นต้นจะเติบโตสู่ระดับ 10,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดบริษัทมา โดยขับเคลื่อนจากธุรกิจแบตเตอรี่ และ EV จากความต้องการเพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ EV รวมทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้น
ด้านธุรกิจไบโอดีเซล แม้ว่าจะไม่ได้สร้างรายได้ให้กับบริษัทมากนัก ในไตรมาส 2/66 รายได้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวอยู่ที่ 1,180.60 ล้านบาท ลดลง 47.97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทมองว่าในระยะเวลาปีหน้าหรือปีถัดไปจะเริ่มเห็นเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยบริษัทได้ดำเนินการผลิตและจำหน่าย Green Diesel เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลรูปแบบใหม่มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งหากในอนาคตได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการใช้ Green diesel แทน ไบโอดีเซล (B100) ก็น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทและเศรษฐกิจโดยรวม
รวมทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่าย PCM คาดว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบันส่วนใหญ่จะนำไปใช้กับงานก่อสร้างในประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง PCM เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดพลังงานอย่างหนึ่งที่บริษัทส่งออกไปที่ตลาดญี่ปุ่น และธุรกิจในอนาคตที่บริษัทวางแผนจะทำคือธุรกิตผลิตและจำหน่าย Bio-Jet ซึ่งมีการพูดถึงกันมากขึ้น คาดว่าปีถัดไปจะมีการเติบโตของ Green Oil ประมาณ 8% ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Bio-Jet Fuel มีราคาสูงกว่า Jet Fuel ปกติอยู่แล้ว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/66 บริษัทมีรายได้รวม 7,956.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ โดยครึ่งปีแรกบริษัทจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้วรวม 1,445 คัน ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยงบลงทุนปี 66 ที่บริษัทตั้งไว้ 11,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทใช้ไปแล้วประมาณ 3-4 พันล้านบาท ซึ่งยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่งและต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าซึ่งบริษัทตั้งงบลงทุนไปประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะนำไปขยายโรงงานแบตเตอรี่ของบริษัทได้ด้วย