นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้นทะลุ 4.5% ทำระดับสูงสุดใหม่ รวมถึงบอนด์ยีลด์ของยุโรปก็ปรับตัวขึ้นแตะ 2.79% ทำระดับสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 2011 จากความกังวลต่ออัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยืนสูงยาวนาน ส่งผลกดดันต่อบรรยากาศการลงทุน
อีกทั้งยังกังวลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังเหิงต้า เรียลเอสเตท กรุ๊ป (Hengda Real Estate Group) บริษัทลูก
ของบริษัท เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande ) ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 4,000 ล้านหยวน รวมทั้งสหรัฐเสี่ยงชัตดาวน์ หลังยังไม่ได้
ข้อสรุปร่างกฎหมายงบประมาณฯ ทำให้ทางด้านมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ออกรายงานเตือนล่าสุดเมื่อวานนี้ว่า หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกชัตดาวน์ ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ
ขณะที่ในประเทศวันนี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของเงินดิจิทัลวอลเล็ต หากออกมาได้จริงก็จะหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่อย่างไรก็ตามมองว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตน่าจะยังไม่มีความชัดเจนในวันนี้ รวมถึงค่าเงินบาทก็ปรับตัวอ่อนค่า มาที่ระดับ 36.20 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังไหลออกต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตลาดอยู่ในโหมด wait and see โดยวานนี้ดัชนีฯ ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,510 จุด ได้ ทำให้วันนี้อาจเห็นการปรับตัวลงไปทดสอบ Low เดิมที่ 1,500 จุด หากรับไม่อยู่ให้แนวรับถัดไปที่ 1,490-1,485 จุด และแนวต้าน 1,520 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (25 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,006.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.04 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,337.44 จุด เพิ่มขึ้น 17.38 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,271.32 จุด เพิ่มขึ้น 59.51 จุด หรือ +0.45%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,640.05 จุด ลดลง 38.57 จุด หรือ -0.12% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,661.85 จุด ลดลง 67.44 จุด หรือ -0.38% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,114.02 จุด ลดลง 1.59 จุด หรือ -0.05%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.ย.66) 1,507.36 จุด ลดลง 15.23 จุด (-1.00%) มูลค่าการซื้อขาย 42,194.46
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,739.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (25 ก.ย.)ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 89.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ย.) อยู่ที่ 9.25 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.17 แนวโน้มอ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐสูงหนุนดอลลาร์แข็งค่า จับตาส่งออกไทย
- "นายกฯเศรษฐา" โหมโรงมาตรการยกเว้นวีซ่าต้อนรับตลาด "จีนเที่ยวไทย" ย้ำความเชื่อมั่นเที่ยวไทยปลอดภัยตั้งแต่ก้าวแรก-ประทับใจ ยันก้าวสุดท้าย หนุนเดินทางเมืองรอง กระจายรายได้ "ททท." ชี้สัญญาณบวกดันทัวริสต์จีนปีนี้แตะ 5 ล้านคน โกยรายได้ 3 แสนล้าน "สมาคมโรงแรมไทย" เผยยอดจองห้องพักพุ่ง 10-20% "แอตต้า" จับชีพจร "กรุ๊ปทัวร์จีน" รอขยับชัด พ.ย. "ซีเอเอซี" คาดชาวจีน เดินทางกว่า 21 ล้านคน โกลเด้นวีค
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน จากความกังวลว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวต่อเนื่องหลังซาอุฯ ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ โดยภาพรวมราคาน้ำมันโลกเมื่อวันที่ 4-10 ก.ย.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เทกซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90.37 ดอลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และ 87.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กังวลต่ออุปทานตึงตัว หลังซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่วันละ 1 ล้านบาร์เรล รัสเซียปรับลดการส่งออกลงวันละ 0.3 ล้านบาร์เรล จนถึงสิ้นปี
- "ศิริกัญญา" เฉลยที่มา เงินดิจิทัล 5.6 แสนล้าน ในโครงการแจกเงิน digital wallet 10,000 บาทให้ประชาชน มาจากกู้ออมสิน ถามนายกฯ รู้ตัวไหม กำลังทำอะไรอยู่ ด้าน 'ชัยวัฒน์' เตือนรัฐบาลเล็งทลายเพดานภาระการคลังเป็น 45% เพื่อทำดิจิทัลวอลเล็ต-พักหนี้ เพิ่มภาระการคลัง เสมือนเทหมดหน้าตัก เสี่ยงไม่เหลือทางหนีทีไล่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แนะเปิดเผยข้อมูลภาระการคลังปัจจุบัน ชี้แจงความจำเป็น-ความคุ้มค่า-ตอบสังคม ด้วยแผนที่ชัดเจน จะปรับลดภาระการคลังอย่างไร
- "บล.อินโนเวสท์เอกซ์" คาดฟันด์โฟลว์เริ่มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยปลายปีนี้ หลังนายกฯเข้าประชุม"ยูเอ็นจีเอ" เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนระยะกลาง-ยาว หนุนดัชนีสิ้นปีนี้แตะ 1,650 จุด-ปีหน้า 1,750 จุด แนะ 5 หุ้นเด่นไตรมาส 4 ปีนี้ "บล.หยวนต้า" ชู "กลุ่มนิคมฯ-สื่อสาร-พลังงานสะอาดดาต้าเซ็นเตอร์" รับอานิสงส์ประชุมยูเอ็นจีเอ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAV (ฟินันเซีย ไซรัส) ราคาเหมาะสม ปี 67 ที่ 26 บาท วันนี้เทรดวันแรก SAV ถือหุ้น 100% ใน Cambodia Air Traffic Services ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิทยุการบินแต่เพียงผู้เดียวในน่านฟ้าของกัมพูชา พร้อมสัญญาสัมปทานตั้งแต่ปี 2002 - 2051 คาดกำไรปกติปี 2566-2567 +59% y-y และ +82% y-y ตามลำดับ จากการฟื้นตัวในเกณฑ์ดีของตัวนักท่องเที่ยวขาเข้าสำหรับทั้งกัมพูชาและเวียดนาม อัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากมากกว่าครึ่งของค่าใช้จ่ายเป็นต้นทุนคงที่ และภาระดอกเบี้ยที่ลดลงหลังนำเงิน IPO จ่ายคืนหนี้
- ICHI (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 18.40 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 เติบโตได้ต่อเนื่องมีปัจจัยหนุนจากสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ตลาดชาเขียวยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักส่งผลให้ U-rate ปรับขึ้น QoQ โดยในปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 7.6 พันล้านบาท +20%YoY หนุนจากตลาดชาเชียวพร้อมดื่มในประเทศที่กลับมาเติบโต และตลาดส่งออกในกลุ่ม CLMV ขณะที่กลุ่มไม่ใช่ชาเขียวสินค้าใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี เสริมด้วยธุรกิจรับจ้างผลิต OEM ในขณะเดียวกันคาดต้นทุนการผลิตจะปรับลดลงจากการใช้กำลังการผลิตทีมากขึ้น ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66 ราว 937 ล้านบาท +46%YoY
- BCH (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 23 บาท เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BCH จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 3Q23 จากแรงส่งของโรคระบาดที่มากขึ้นรวมถึงมีกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิประมาณ 425 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 22%yoy