นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)กล่าวยอมรับว่า ในปีนี้กำไรสุทธิอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 30% ขณะที่ยอดขายยังน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% ทั้งจากธุรกิจปิโตรเคมี , ซีเมนต์ และ กระดาษ เพราะเห็นได้จากในไตรมาส 1/51 ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"จากที่หลายโบรกเกอร์คาดการณ์ว่าปูนซิเมนต์ไทยจะมีกำไรลดลง 20% เป็นเรื่องที่โบรกเกอร์สามารถทำได้ แต่ทางเครือ(ปูนใหญ่) ไม่เคยให้ outlook เกี่ยวกับกำไรสุทธิ แต่ปีนี้มั่นใจว่ายอดขายจะเติบโตแน่นอน"นายกานต์ กล่าว
เหตุที่ในปีนี้เครือ SCC ยังมั่นใจยอดขายธุรกิจในเครือ เนื่องจากกลุ่มกระดาษจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากโรงงานที่ขอนแก่น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในก.ค.นี้ และโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ที่กัมพูชา ที่จะเริ่มมีกำลังผลิตเพิ่มเข้ามาในปีนี้หลังจากทดลองผลิตไปแล้ว
นายกานต์ กล่าวว่า สำหรับไตรมาส 2/51 บริษัทเตรียมมาตรการรับมือต้นทุนด้านพลังงานที่ปรับตัวขึ้นไม่หยุด โดยได้มีการจัดการด้านต้นทุนด้วยการล็อคราคาถ่านหินล่วงหน้าไว้แล้วที่ 65 เหรียญ/ตัน ต่ำกว่าราคาปัจจุบันที่ปรับขึ้นไปถึง 90 เหรียญ/ตัน
ขณะที่ต้นทุนด้านค่าขนส่งนั้น คาดว่าราคาน้ำมันยังปรับขึ้นจากปลายปีก่อนที่ 90 เหรียญ/บาร์เรลมาอยู่ที่ 120 เหรียญ/บาร์เรลแล้ว ส่งผลกระทบต่อบริษัทมาก เนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมหนักมีต้นทุนค่าขนส่งค่อนข้างสูง
นายกานต์ ยังกล่าวอีกว่า ทิศทางราคาผลิตภัณฑ์ในเครือช่วงไตรมาส 2/51 ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรกที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 730 เหรียญ/ตัน เนื่องจากตลอดเดือนเม.ย. ราคาปิโตรเคมีลดลงต่อเนื่อง มาอยู่ที่เฉลี่ย 670 เหรียญ/ตัน เป็นผลจากผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น และผลผลิตจากตะวันออกกลางจะเข้ามาครึ่งหลังปี 52 ซึ่งอาจจะต้องมาประเมินสถานการณ์ปิโตรเคมีใหม่
ขณะที่สถานการณ์ธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลัก คาดว่าน่าจะดีขึ้นในปีนี้จากแนวโน้มความต้องการใช้ในประเทศที่จะกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งจากที่ชะลอตัวไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 49 โดยในช่วงไตรมาส 1/51 ภาพรวมธุรกิจปูนซิเมนต์กลับมาเป็นบวก 1.4% เห็นสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ในประเทศ และจากการเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็คต์การขนส่งระบบรางจะช่วยให้ยอดการใช้ปูนซิเมนต์เติบโตตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงปี 52
"ที่ผ่านมายอมรับว่าราคาขายปูนไม่สามารถปรับเพิ่มตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ เป็นปัญหาของธุรกิจปูนซิเมนต์ในไทย แต่เราก็พยายามหันไปส่งออกเนื่องจากได้ราคาดีกว่า แต่ปีนี้ประเมินว่าความต้องการใช้ปูนในประเทศจะสูงขึ้น ดังนั้นเป้าหมายการส่งออกของบริษัทจะต่ำกว่าปีก่อนที่ส่งออก 8.1 ล้านตัน"นายกานต์ กล่าว
ส่วนกรณีคณะกรรมการบริษัท มีมติได้เพิกถอนหุ้นบมจ.ไทยเคนเปเปอร์(TCP)จากตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นนโยบายของบริษัท ที่ต้องการให้บริษัทแม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพียงแห่งเดียว โดยจะขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ TCP ทั้งนี้คาดว่าจะต้องใช้เงินในการรับซื้อหุ้นตามคำเสนอซื้อ ประมาณ 800 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--