นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย เช้านี้คาดมีโอกาสรีบาวด์ โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวานนี้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ทำให้เป็นแรงหนุนต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม SET ปรับตัวขึ้นก็ยังไปได้ไม่ไกล เนื่องจากภาพรวมยังไม่เห็นสัญญาณบวกจากต่างประเทศ
ให้แนวรับที่ 1,480 จุด และแนวต้าน 1,505 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (27 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,550.27 จุด ลดลง 68.61 จุด หรือ -0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,274.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.98 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,092.85 จุด เพิ่มขึ้น 29.24 จุด หรือ +0.22%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,119.37 จุด ลดลง 252.53 จุด หรือ -0.78% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,587.08 จุด ลดลง 24.79 จุด หรือ -0.14% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,117.75 จุด เพิ่มขึ้น 10.43 จุด หรือ +0.34%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.ย.66) 1,497.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด (+0.21%) มูลค่าการซื้อขาย 46,636.01
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,066.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ย.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (27 ก.ย.)เพิ่มขึ้น 3.29 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 93.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2566
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ก.ย.) อยู่ที่ 5.92 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.73 อ่อนค่าตามภูมิภาครับดอลลาร์แข็งค่า บอนด์ยีลด์พุ่ง กังวลเฟดคงดอกเบี้ยสูง
- มติ กนง. เอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 2.50% พร้อมหั่น "จีดีพี" ปีนี้โตเหลือ 2.8% จาก 3.6% ย้ำเหตุต้องขึ้นดอกเบี้ยเพราะห่วงเศรษฐกิจปีหน้าโตแรง ยอมรับช่วยชะลอบาทอ่อนด้วยแม้ไม่ใช่ปัจจัยหลัก ด้าน "เงินบาท" ยังอ่อนค่าทำสถิติใหม่รอบ 10 เดือน ฟาก นักเศรษฐศาสตร์ กังวลดอกเบี้ยที่ขึ้นต่อเนื่องซ้ำเติมภาคครัวเรือนและเอสเอ็มอี แนะไม่ควรเหยียบเบรกแรงเกินไป
- "พาณิชย์" ถกภาคเอกชน หาแนวทางเพิ่มตลาดส่งออก เร่งเจรจาเอฟทีเอ ส.อ.ท.หวังเพิ่มแต้มต่อให้ผู้ส่งออก "หอการค้า" แนะเร่งเจรจา รอช่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว "ภูมิธรรม" เร่งลดค่าครองชีพ เปิดรายชื่อสินค้าลดราคา 2 ต.ค.นี้ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และการซื้อขายผ่านค้าออนไลน์
- นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เชิญภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มาหารือ เพื่อรับทราบสถานการณ์และทิศทางการค้า นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตสินค้า และสมาคมผู้ค้าปลีกไทยปรับลดราคาสินค้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยวันที่ 2 ต.ค. จะแถลงรายละเอียดว่าจะมีสินค้าและบริการปรับลดราคาลงกี่รายการ
- "สมศักดิ์" นั่งหัวโต๊ะแนะคมนาคมปี 67 หลังเพิ่มงบเป็น 2.82 แสนล้าน ด้าน "สุริยะ" เตรียมเสนอนายกฯ เคาะ 7 โครงการลงทุนเม็ดเงินกว่า 1.48 แสนล้านบาท พัฒนาโครงข่ายคมนาคมใน จ.ภูเก็ต
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTEP (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 176 บาท สหรัฐฯรายงานสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 2.17 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดจะลดลงที่ 6 แสนบาร์เรล ช่วยกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาน้ำมันเพิ่มเติม โดยวานนี้ Brent ปิดบวก +2.7% สู่ระดับ 96.55 เหรียญต่อบาร์เรล ทำจุดสูงสุดในรอบ 10 เดือน และคาดราคาน้ำมันดิบยังคงเดินหน้าต่อโดยมีแรงหนุนจากภาวะอุปทานที่ตึงตัว ซึ่งจะหนุนให้ตลาดปรับสมมติฐานน้ำมันดิบขึ้น
- ADVANC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อสะสม" ราคาเป้าหมาย 245 บาท กำไรสุทธิงวด H1/66 อยู่ที่ 13,937 ลบ.,+11%YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ฝั่งบริการสามารถโตได้ดี โดยเฉพาะรายได้ Fixed Broadband ด้านค่าใช้จ่ายคุมได้ดีและได้อานิสงค์การแข่งขันผ่อนคลายลงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ครึ่งปีหลังยังคาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกจากแรงบวก package 5G ช่วยหนุน blended ARPU นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากลงทุน TTTBB/JASIF(ยังไม่รวมในประมาณการ) ปัจจุบัน ประเมินกำไรสุทธิปี 66 และ67 ที่ 28,454 ลบ. (+9.39%YoY) และ 31,033 ลบ.(+9.06%YoY) ตามลำดับ
- TIDLOR (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 31.4 บาท มองบวกกระแสจบดอกเบี้ยขาขึ้นของแบงก์ชาติ ประเด็นกังวลคุณภาพสินทรัพย์ลดลงหลัง NPL และ credit cost ใกล้แตะสูงสุด ประเมินโมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อกลับมาแข็งแกร่ง คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 เร่งตัว QoQ มองไกลกว่านั้นคาดผลงานโตแรงต่อหนุนจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) คาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นช่วยให้ credit cost ลดลง