ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ จึงทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไร
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 11.81 จุด หรือ 0.09% แตะระดับ 12,820.13 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 5.35 จุด หรือ 0.38% แตะระดับ 1,385.59 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 13.30 จุด หรือ 0.55% แตะระดับ 2,412.80 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.66 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7
เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) อีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% และลดอัตราดอกเบี้ยประเภทมาตรฐาน (discount rate) อีก 0.25% สู่ระดับ 2.25% ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดรวบรวมได้เมื่อเร็วๆนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัวลง โดยตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการใช้จ่ายในภาคธุรกิจยังคงปรับตัวลดลง และตลาดแรงงานยังคงซบเซา นอกจากนี้ ตลาดการเงินยังคงผันผวน ตลาดสินเชื่อยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และตลาดที่อยู่อาศัยยังคงตกต่ำลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะสกัดกั้นการเติบโตของเศรษฐกิจในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า"
"ส่วนในด้านเงินเฟ้อนั้น เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวปานกลางในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แต่เนื่องจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอน เฟดจึงต้องจับตาดูสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง อย่างไรก็ดี เฟดคาดหวังว่าหลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวปานกลางและลดความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ เฟดจะติดตามความคืบหน้าทางเศรษฐกิจและการเงินต่อไป และจะใช้ "มาตรการที่จำเป็น" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน" แถลงการณ์ของเฟดระบุ
คิม คอจฮีย์ นักวิเคราะห์จากฟอร์ท พิทท์ แคปิตอล กล่าวว่า "แถลงการณ์ของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า เฟดมีความวิตกกังวลเรื่องอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจน้อยกว่าในเดือนมี.ค. เพราะในเวลานั้นเฟดระบุว่า "เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลง" แต่ในการประชุมเมื่อคืนนี้ เฟดกล่าวว่า 'เศรษฐกิจสหรัฐยังคงชะลอตัวลง' และ 'แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอน' อีกทั้งคาดว่าหลังจากที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยและอัดฉีดสภาพคล่องหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวปานกลาง"
"แถลงการณ์ของเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะหยุดพักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไร และที่น่าแปลกใจก็คือเฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มขยายตัวปานกลางในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า" คอจฮีย์กล่าว
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ปิดพุ่งขึ้น 9.4% แม้จีเอ็มเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 3.3 พันล้านดอลลาร์เพราะได้รับผลกระทบจากการประท้วงของคนงานและยอดขายในสหรัฐที่ลดลงเกินคาด
ส่วนหุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ปิดเพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ แตะระดับ 67.05 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 8% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 4% หลังจากมีข่าวว่าซิตี้กรุ๊ปเตรียมขายหุ้นมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อระดมทุน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--