นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กร "BBB+" ด้วยอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ จะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และจะสร้างกระแสเงินสดได้ตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทฯ จะขยายกำลังการผลิต โดยมีกระแสเงินสดต่อภาระหนี้อยู่ในระดับที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้
ขณะที่ โรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ดำเนินการภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญญาที่ทำไว้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ./อันดับเครดิต "AAA/Stable") การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity : EVN) และผู้รับซื้อไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือหลายรายในประเทศญี่ปุ่น โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวเป็นแบบ Non-firm (สัญญาที่ผู้ผลิตไม่มีข้อผูกมัดเกี่ยวกับการสั่งเดินเครื่องและจะได้รับเฉพาะค่าพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น) โดยส่วนใหญ่แล้วกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มักจะคาดการณ์ได้จากการมีอัตราค่าไฟฟ้าที่แน่นอน และมีความเสี่ยงในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่ต่ำ
เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว โรงไฟฟ้าของบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยในปี 2565 บริษัทฯ จำหน่ายไฟฟ้าประมาณ 540 ล้านหน่วย ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้น 35% จาก 400 ล้านหน่วย ในปี 2564 โดยปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายเพิ่มขึ้นนั้นมาจากการดำเนินงานเต็มปี ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 แห่ง ในประเทศญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 1 แห่ง ในประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ 60% ของปริมาณไฟฟ้าที่บริษัทฯ จำหน่ายทั้งหมดมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
ทั้งนี้ บริษัทฯ เพิ่งได้รับการคัดเลือกให้ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 170.5 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 แห่งที่ขนาด 154.5 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่งที่ขนาด 16 เมกะวัตต์ โดยจะเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่หน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป ดังนั้นจึงคาดว่าบริษัทฯ จะเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อที่จะช่วยชดเชยรายได้ที่จะลดลงจากค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มที่กำลังจะหมดอายุลงได้ทันที
"การที่ทริสฯ จัดอันดับองค์กรให้อยู่ระดับ BBB+ นั้น ถือเป็นสิ่งที่ดี และตอกย้ำความเข้มแข็งในด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเป็นเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้าแตะ 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนที่บริษัทเป็นเจ้าของอยู่ที่ 241 เมกะวัตต์" นายวรุตม์ กล่าว