นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ข้อเสนอการขอต่อขยายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-รัชโยธิน ระยะทางประมาณ 2.6 กม. ของบริษัทอีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทาน สายสีเหลืองที่ยื่นเป็นข้อเสนอเพิ่มเติมในการประมูลถือว่าสิ้นสุดแล้ว หลังจากโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย. 66
ที่ผ่านมา รฟม. และ EBM ได้มีหนังสือหารือกันหลายครั้ง ล่าสุดจากที่รฟม.ได้มีการติดต่อทางหนังสือไปทางเอกชนนิ่งเฉย จนกระทั่งเปิดเดินรถ สายสีเหลือง จึงเท่ากับหมดระยะเวลาของข้อเสนอดังกล่าวไปตามเงื่อนไข
สำหรับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสีเหลือง จากลาดพร้าว-รัชโยธิน (เพื่อเชื่อมต่อสายสีเขียว) นั้นเป็นข้อเสนอเพิ่มเติมของเอกชน ไม่ได้อยู่ในแผนแม่บทเดิม หรือ M Map ที่วางโครงข่ายสายสีเหลือง สิ้นสุดปลายทางที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว โดยให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ประชาชนสามารถเดินทางต่อเชื่อมได้ ไม่มีผลกระทบและเป็นโครงข่างระบบรางตามแผนแม่บท ที่มีการศึกษาไว้ครบถ้วน
ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า ปัจจุบัน รถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีปริมาณผู้โดยสาร ในวันธรรมดาเฉลี่ย 4 หมื่นคน-เที่ยว/วัน วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เฉลี่ย 2.8 หมื่นคน-เที่ยว/วัน ซึ่งลดลงจากช่วงที่เปิดให้ประชาชนทดลองใช้ฟรี ที่มีกว่า 7 หมื่นคน-เที่ยว/วัน โดยปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นต้องใช้เวลาเพื่อให้ประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง โดยเฉลี่ยผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะเติบโตปีละประมาณ 10% ซึ่งประเมินว่า ผู้โดยสารในระดับ 1 แสนคน-เที่ยว/วันจึงจะคุ้มทุน
"รฟม.ได้จ่ายเงินสนับสนุนงานโยธา ปีแรกจำนวน 2,505 ล้านบาทเรียบร้อยแล้วตามเงื่อนไข หลังจากเอกชนเปิดเดินรถเป็นทางการเต็มรูปแบบ (Full Operation) เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะชำระเท่ากันเป็นเวลา 10 ปี ขณะที่รฟม.จะได้รับส่วนแบ่งรายได้เมื่อ EIRR โครงการอยู่ที่ 10 %ซึ่งยังประเมินไม่ได้ว่าจะเป็นปีที่เท่าไร โดยโครงการมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี "
*สีชมพูทดสอบระบบแล้ว คาดเปิดต้นปี 67
ผู้ว่าฯรฟม.กล่าวว่า ความคืบหน้า โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. ว่า รฟม.เร่งรัดงานก่อสร้างเพื่อให้เปิดเดินรถเร็วที่สุด แต่ต้องมั่นใจว่างานโยธาต้องเสร็จสมบูรณ์ และงานระบบเดินรถ ผ่านการทดสอบ ตามมาตรฐานเกณฑ์ความปลอดภัย
โดยบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานสายสีชมพู แจ้งรฟม.เบื้องต้น ว่า พร้อมเปิดเดินรถปลายปี 66 ซึ่งต้องตรวจสอบงานโยธา งานระบบไฟฟ้า และทดสอบเดินรถจนมั่นใจเรื่องความปลอดภัย 100% และวิศวกรอิสระ (ICE) ให้การรับรอง จึงจะให้เปิดเดินรถทางการได้ คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปี 67 ทั้งนี้ หากเอกชนสามารถเร่งรัดการก่อสร้างและทดสอบระบบจนผ่านเกณฑ์ประเมินความปลอดภัยอาจจะเปิดได้เร็วขึ้นได้
"เอกชนอยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรมและเตรียมความพร้อมของงานระบบไฟฟ้าในแต่ละสถานี และมีการทดสอบระบบรวมช่วงสุดท้าย และเริ่มทดสอบเสมือนจริง ช่วงแรกแล้ว ส่วน การให้ประชาชนร่วมทดสอบระบบ อยู่ในขั้นตอนการทดสอบเสมือนจริงช่วงสุดท้าย ซึ่งที่ปรึกษา ต้องประเมินอีกครั้งว่าเป็นเมื่อใด"
นายภคพงษ์กล่าวว่า ล่าสุดมีการขยายสัญญาโยธา สายสีชมพู ไปถึงมิ.ย. 67 ใช้สิทธิ์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากผลกระทบโควิด-19 ขณะที่ยังมีงานของสถานีแจ้งวัฒนะ 14 (PK11) สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) และสถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ(PK13) ที่ต้องรอ กฟน. เดินสายไฟฟ้าใต้ดินเสร็จก่อน ล่าสุดได้ตัดเปลี่ยนย้ายวงจรการจ่ายไฟฟ้าไปใช้ระบบสายไฟฟ้าใต้ดินแล้วเตรียมรื้อสายไฟฟ้าด้านบน ทางผู้รับเหมาสายสีชมพู จะเข้าพื้นที่ เพื่อก่อสร้างบันไดทางขึ้น-ลง สถานี ทั้งบันไดเดินเท้า บันไดเลื่อน ลิฟต์
กรณีทางขึ้น-ลง 3 สถานี ยังไม่เสร็จ แต่ภาพรวม การทดสอบระบบเดินรถทั้งหมด มีความปลอดภัย แล้วเอกชนสามารถเปิดเดินรถให้บริการเป็นบางช่วง และ เก็บค่าโดยสารได้ โดยสายสีชมพู จะได้รับจ่ายเงินสนับสนุนค่างานโยธา 2,250 ล้านบาท/ปี โดยรฟม.จะเริ่มจ่ายเมื่อ เปิดบริการครบทุกสถานีเต็มรูปแบบ (Full Operation) แล้วโดยตั้ง งบประมาณ ในปี 67
อนึ่ง บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ในผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งในบริษัทอีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทาน สายสีเหลือง และ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานสายสีชมพู