นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 67 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ต่อเนื่องจากปี 66 ที่เทิร์นอะราวด์ตามแผนงานที่วางไว้ โดยตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโต 10-15% หลังจากได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลชุดใหม่ประกาศนโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/66 ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
"มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจของ PJW ในปีนี้จะเทิร์นอะราวด์ ตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจาก 3 ธุรกิจดาวเด่นของบริษัทฯฟื้นตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่น และนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดล หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และธุรกิจลอนดรี้มีลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง เพิ่มมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าธุรกิจลอนดรี้จะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี 67"
โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกอยู่ที่ 65-67% ธุรกิจชิ้นขายชิ้นส่วนยานยนต์ 30% และธุรกิจลอนดรี้ 3-5% ซึ่งในปีหน้าจะเกิดการเติบโตในธุรกิจทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ ที่คาดว่าสัดส่วนรายได้จะเติบโตเป็น 35% และธุรกิจสอนดรี้เติบโตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5-7%
สำหรับบริษัทฯยังคงเดินหน้าเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง เพื่อสร้าง New S-Curve ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้สายการผลิตบางส่วนได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อขอมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และคาดว่าจะเริ่มขายได้ปลายไตรมาส 2/67 หรือต้นไตรมาส 3/67 พร้อมกับมีพันธมิตรที่มีความมั่นใจได้เริ่มติดต่อเข้ามา รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพมากขึ้น
"ในปีหน้า ธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดว่าจะเริ่มโดดเด่นมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายในครึ่งปีหลังที่เพิ่มขึ้น และภายใน 3 ปี (2566-2568) ยอดขายจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะเรามี New product ที่เราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะขยายตลาดไปยังกลุ่มอาเซียนที่มีมากกว่า600ล้านคนอีกด้วย และคาดว่าใน 3 ปีข้างหน้าธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท"
ขณะที่ในปี 2566 บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ ลงทุนเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซลาร์รูฟ
ขณะเดียวกันมีการลงทุนในไลน์ผลิตในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงลงทุนระบบออโตเมชั่น เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 แล้ว
นายวิวรรธน์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯตั้งเป้าปี 2566 รายได้เติบโตระดับ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้น