นายดิษทิต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของ OR ในกลุ่มธุรกิจ Mobility มีความหลากหลาย ไม่ได้มีเพียงการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การจำหน่ายน้ำมันเชิงพาณิชย์ ก๊าซหุงต้ม น้ำมันหล่อลื่น และผลิตภัณฑ์พิเศษ เช่น ยางมะตอย รวมไปถึงสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ ที่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต สามารถตอบสนองแนวโน้มการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จะยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) รวมไปถึงแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ โดยมีธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ OR อยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของ OR Ecosystem และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพและความงามมากขึ้น
สำหรับ กลุ่มธุรกิจ Global จะยังคงมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ โดยเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจและร่วมกับพันธมิตรในการขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ อีกทั้งกำหนดประเทศยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจที่สำคัญของ OR คือ ประเทศกัมพูชาที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย
ส่วนกลุ่มธุรกิจ OR Innovation ยังคงมุ่งผสานการยกระดับคุณภาพชีวิตและการกระจายรายได้สู่ชุมชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวกผู้บริโภคและเป็นอีกช่องทางในการเชื่อมโยงผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของ OR ผ่านทาง Physical Platform มายัง Digital Platform สร้างการเป็น O2O เพื่อส่งเสริมต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
OR ยังให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR ซึ่งประกอบไปด้วย S - SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก D - DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ และ G - GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลักดันให้ OR ก้าวไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน