นายสิริวัฒน์ ธนุรเวท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิริซอฟต์ (SRS) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ เทคโนโลยี (Technology) ในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ "SRS" หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO สะท้อนถึงพื้นฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง วางเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นผู้นำ IT Consulting Service ชั้นนำของประเทศ
ด้วยประสบการณ์และความแข็งแกร่งในฐานะบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผ่านแนวทางการทำงานแบบ DevOps (Development & Operations) ที่มีบุคลากรเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบด้วย High Code ซึ่งสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความซับซ้อน สามารถดัดแปลงปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และตอบโจทย์ด้วยข้อจำกัดที่น้อยกว่า ทำให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรให้สามารถออกผลิตภัณฑ์ได้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้ง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่มุ่งสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ทำให้ SRS ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก ลูกค้าองค์กร และรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น
อีกทั้ง บริษัทฯ เป็นพันธมิตรกับเจ้าของซอฟต์แวร์ (License) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการใช้งานซอฟต์แวร์ ซึ่งมีลักษณะสัญญาที่กำหนดระยะเวลา และสามารถต่ออายุสัญญาได้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) นอกจากนี้ มีบริษัทย่อย 1 แห่ง คือ บริษัท เอส อาร์ เอส อินทิเกรชั่น จำกัด (SRSI) ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการรักษาความปลอดภัยบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและให้บริการพัฒนาระบบ Cyber Security รวมไปถึงการบริการที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร
SRS วางแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจ พัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานภายในองค์กร รวมทั้ง เพิ่มบุคลากรด้าน IT Professional และฝึกอบรม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาระบบและซอฟต์แวร์ ตอบสนองดีมานด์ลูกค้ารายเดิม และขยายฐานลูกค้ารายใหม่ นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายพื้นที่สำนักงาน เพื่อรองรับบุคลากรที่เพิ่มขึ้น
นายสิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้ามาขยายการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดทุน ให้ทุกท่านได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปพร้อมกับเรา (SRS) Sirisoft - Good Software Good Return Good Service
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน SRS เชื่อมั่นว่า นักลงทุนมองเห็นศักภาพ และโอกาสการเติบโตของ SRS ซึ่งนับเป็นหุ้น High Code ที่มีความโดดเด่น อยู่ในเมกะเทรนด์ของโลกยุคใหม่ที่มีการเติบโตสูง สอดรับเทรนด์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลและซอฟต์แวร์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในหลากหลายประเทศทั่วโลก
ในด้านผลการดำเนินงาน SRS มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 2563 ? 2565 มีรายได้จากการขายและบริการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 137.37% และในปี 2566 คาดจะเป็นอีกปีที่ดีของบริษัทฯ จากงวดครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 306.24 ล้านบาท กำไรสุทธิ 47.34 ล้านบาท มีงานในมือ (Backlog) อยู่ในระดับสูงราว 526 ล้านบาท กำหนดส่งมอบงานในครึ่งปีหลัง 297 ล้านบาท และปัจจุบันมีงานใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า SRS จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปี 2565 มีรายได้รวม 412.01 ล้านบาท กำไรสุทธิ 68.69 ล้านบาท
สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง สมัครใจจะไม่ขายหุ้น Lock up หุ้นทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 1 เดือน เพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในการเติบโต ย้ำ SRS เป็นหุ้นน้องใหม่ที่เชี่ยวชาญด้าน High Code ตัวจริงเสียงจริงในตลาดทุน ที่น่าจับตามอง
นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า SRS ประสบความสำเร็จในการนำเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้ออย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ประกอบกับ การกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 16 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 38.37 เท่า ขณะที่ คู่เทียบในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 30 วันทำการ นับจากวันที่ 11 ส.ค.-22 ก.ย.66 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมี P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 51.76 เท่า
ในด้านบทวิเคราะห์จาก 3 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SRS ได้ให้มูลค่าเป้าหมายของ SRS ปี 66 อยู่ที่ 24-25 บาท/หุ้น โดยมองเห็นแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทฯ อยู่ในช่วงเติบโต การพัฒนาระบบด้วย High Code มีความต้องการในตลาดสูง บริษัทมีแผนจะขยายพื้นที่ราวเท่าตัว เพื่อรองรับจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นสอดรับกับดีมานด์ของลูกค้าที่เติบโต นอกจากนั้น จำนวนนักพัฒนาที่สูงขึ้นคาดว่าจะทำให้สามารถตอบรับโครงการพัฒนาระบบและซอฟต์แวร์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และในปริมาณที่มากขึ้น รวมถึง แรงสนับสนุนจากรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนโครงการในอนาคตที่เพิ่มขึ้น ทำให้จะมีรายได้ในส่วนของการดูแลระบบ รวมถึงค่าลิขสิทธิ์ที่เป็นสัญญาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า SRS จะเป็นอีกหุ้นน้องใหม่ที่น่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในอนาคต