ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เป็นแบงก์ที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดในกลุ่มหลังดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น จากพอร์ตสินเชื่อสูกค้าธุรกิจมีขนาดใหญ่มาก และเป็นกลุ่มที่ยังมีความสามารถในการคืนหนี้ได้ดี ส่งผลบวกต่อรายได้จากดอกเบี้ยจะสูงขึ้น และ NIM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ประกอบกับ คุณภาพหนี้ยังดีและทรงตัวมาได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนภาพแข็งแกร่งและยังเห็นทิศทางเติบโตของกำไรต่อเนื่องในไตรมาส 4/66
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาที่ 2.50% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มแบงก์ จาก NIM ที่สูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/66 โดยแบงก์ที่จะได้ประโยชน์และเป็น Top pick คือ BBL เนื่องจากมีพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นสัดส่วนที่มาก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยได้ดี และมีความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน ส่งผลต่อ Credit cost ที่ลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งจะหนุนการเติบโตของกำไรในไตรมาส 4/66
อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น อาจจะมีผลต่อการชะลอการลงทุนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่บ้าง แต่สามารถชดเชยได้จากการชำระคืนหนี้ของลูกค้า ประกอบกับ BBL เป็นธนาคารที่ไม่มีความกังวลในเรื่องคุณภาพลูกหนี้ เพราะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ยังมีฐานะการเงินที่ดี และสามารถชำระคืนหนี้ได้ดี ทำให้ไม่กังวล NPL จะเพิ่มขึ้นเหมือนแบงก์อื่นที่มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอีมาก ประกอบกับผลการดำเนินงานของ เพอร์มาตา ในอินโดนีเซียยังทำได้ดี ช่วยเข้ามาหนุนผลงานของ BBL
ด้านนายธนเดช รังษีธนานนท์ Director of Research บล.พาย กล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นผลบวกต่อแบงก์ แต่มองว่า BBL จะได้ผลบวกมากกว่าแบงก์อื่น โดยเฉพาะจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยพอร์ตลูค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่เป็นกลุ่มหลักของ BBL ยังเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งและมีความสามารถชำระหนี้ที่ดีต่อเนื่อง เป็นบวกต่อ BBL ค่อนข้างมาก
และมองว่า BBL เป็นหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่น่าสนใจ โดยปัจจัยบวกของการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลให้ส่วนต่างกำไรจากดอกเบี้ย (NIM) สูงขึ้น หนุนกำไรในไตรมาส 4/66 จะเห็นการเติบโตขึ้น และทำให้ NIM ในปีนี้สูงกว่าประมาณการณ์ที่ 2.9%
ขณะเดียวกัน คุณภาพสินเชื่อของ BBL ยังมีความแข็งแกร่ง โดยคาดว่า NPL จะยังทรงตัว 3% ในไตรมาส 3/66 และต่อเนื่องในไตรมาส 4/66 จากความแข็งแรงของพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ แต่การปล่อยสินเชื่ออาจชะลอลงบ้างตามภาวะของเศรษฐกิจโลก แต่กำไรในปีนี้คาดว่าเติบโต 39%
ส่วนบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า BBL จะได้รับผลบวกจากการขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 4/66 ทำให้จะเห็นการเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ทั้ง YoY และ QoQ รับผลบวกจาก NIM ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปเกือบ 3% ในไตรมาส 4/66 สูงกว่าประมาณการณ์ที่คาดไว้ที่ 2.82% และพอร์ตสินเชื่อหลักของ BBL ยังเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการชำระคืนหนี้ต่อเนื่อง ทำให้หนุนต่อการเติบโต
การที่ดอกเบี้ยสูงขึ้นอาจส่งผลให้สินเชื่อชะลอตัวลงบ้าง จากการชะลอลงทุนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วงต้นทุนการเงินสูง ส่งผลให้สินเชื่ออาจยังทรงตัวจากปีก่อนได้ แต่ด้านคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ จากการที่มีสินเชื่อขนาดใหญ่ในสัดส่วนที่มากทำให้คุณภาพพอร์ตสินเชื่อทรงตัว คาดว่า NPL จะทรงตัวอยู่ที่ไม่เกิน 3%
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กรุงศรี ซื้อ 220 พาย ซื้อ 203 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 197 กสิกรไทย ซื้อ 196 เอเซีย พลัส ซื้อ 196 ดาโอ ซื้อ 195 แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ซื้อ 194 หยวนต้า ซื้อ 190 ทรีนีตี้ ซื้อ 181 ทิสโก้ ซื้อ 173