นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่าบริษัทเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "Central Park" มูลค่าการลงทุน 20,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน สร้างสรรค์ประสบการณ์ The New Luxury ภายในโครงการมิกซ์ยูสคุณภาพระดับโลก "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค"ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนกับบมจ.ดุสิตธานี (DUSIT)
โดยแบรนด์ใหม่ "Central Park" ของเซ็นทรัลพัฒนา จะประกอบไปด้วย 2 องค์ประกอบสำคัญ คือ ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน
1.ศูนย์การค้า Central Park บนพื้นที่ (GBA - Gross Building Area) 130,000 ตร.ม. เตรียมเปิดให้บริการช่วงไตรมาส 3 ปี 68 โดยเป็นพื้นที่ที่คัดสรรร้านค้าที่ดีสุด ร่วมกับแบรนด์ชั้นนำในไทยและแบรนด์ระดับโลกที่ไม่เคยเปิดที่ไหนมาก่อนในประเทศไทย โดยตัวห้างจะผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดร่วมกับแบรนด์ชั้นนำในไทยและแบรนด์ระดับโลก อีกทั้งจะนำ Essence ของ Heritage เดิมที่มีอัตลักษณ์ที่สวยงามมาสะท้อนใน Architectureและ Interior Design อีกด้วย
2.อาคารสำนักงาน Central Park Offices บนพื้นที่ (GBA - Gross Building Area) 130,000 ตร.ม. เตรียมเปิด ไตรมาส 2 ปี 68 และพื้นที่โรงแรมจะเปิดให้บริการในปี 67 โดยสำนักงาน Prestigious Class A ที่ดีที่สุดและสะดวกที่สุดในกรุงเทพฯ โดยจะเป็น Global Professional Hub ของบริษัทชั้นนำระดับโลก ตอบรับเทรนด์ Social & Flexible Workplace อีกทั้ง มุ่งมั่นเป็น LEED Gold และ WELL Certified คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและ Well-being นอกจากนี้ ยังมอบ Private Terrace ที่สามารถมองเห็นวิวสวนลุมพินีและ Rooftop Bar ที่สามารถชมวิวกรุงเทพฯได้แบบ 360 องศา
"เซ็นทรัลพัฒนามุ่งมั่นที่จะบุกเบิก New Retail Landscape ด้วยความเชี่ยวชาญของเราตลอดกว่า 42 ปีพร้อมการผนึกกำลังภายในกลุ่มเซ็นทรัลที่ได้ก่อตั้งทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเป็นครั้งแรกในประเทศ และยังขยายธุรกิจต่างๆ พัฒนามากกว่า 200 โครงการ ใน 18 ประเทศทั่วโลกทั้งยุโรปและเอชีย โดยในครั้งนี้ การพัฒนา ศูนย์การค้า ?Central Park? จะสร้างปรากฏการณ์ New Horizon ให้กับการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อย่าง Central Park ใจกลางนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ใจกลางลอนดอน" นางสาววัลยากล่าว
ทั้งนี้โครงการ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค" มูลค่าโครงการรวมทั้ง 4 องค์ประกอบทั้งสิ้น 46,000 ล้านบาท ประกอบด้วยศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม และ ที่พักอาศัย พร้อมยกระดับกรุงเทพฯ สู่การเป็นมหานครระดับโลก
โครงการ "ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค"ภายใต้แนวคิด ?Here for Bangkok? จะแตกต่างและเป็นมากกว่าโครงการมิกซ์ยูสทั่วไป ด้วยความแข็งแกร่ง 4 ประการ ได้แก่ 1) Here with Proven Expertise: ประสบการณ์รีเทลระดับโลกของกลุ่มเซ็นทรัล, เซ็นทรัลพัฒนา และกลุ่มดุสิตธานี 2) Here for the Ultimate Potential: ทำเล Super Core CBD ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นย่าน Financial และ Affluent Neighborhood 3) Here for an Unprecedented Experience: สร้าง Curated Experience ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และ 4) Here for a Lush Quality of Life: ด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 7 ไร่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการของโครงการประมาณ 25 ล้านคนต่อปีครอบคลุมกลุ่ม Wealth Segment ทั้งกรุงเทพฯ กว่า 750,000 คนและดึงดูดนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนต่อปีมาที่ Central Park ด้วย และด้วยจุดเด่นที่เหนือกว่าโครงการมิกซ์ยูสอื่นคือ Hospitality meets Retail พร้อมสร้าง One-Stop Service Platform ที่จะเชื่อมบริการและ Offering ของ Retail เข้ากับทุกส่วนในโครงการ ทั้งการสร้างสรรค์พื้นที่ สำหรับทุกไลฟ์สไตล์มากกว่า 55,000 ตร.ม. โดยคัดสรร Culture, Art, Global Trends ใหม่ๆ มาสู่ประเทศไทย รวมถึง Collaboration ร่วมกับแบรนด์ระดับโลก, Up-and-Coming Thai & International Designers รวมถึงพื้นที่ที่จะรองรับ Urban Active Lifestyles เป็นต้น
รวมทั้งสร้างสรรค์ Food Destination กว่า 25,000 ตร.ม. ที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ Street Food, Grab & Go ที่จะเชื่อมต่อและตอบโจทย์ Mass Commuters ไปจนถึง Experiential Dining ที่จะคัดสรรประสบการณ์อาหารที่จะดึงดูดทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวอีกด้วย
นอกจากนี้ CPN มีแผนการลงทุนของบริษัทในระยะ 5 ปี ยังเดินหน้าต่อไป โดยโครงการมิกซ์ยูส ขนาดใหญ่ 5 โครงการได้ทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในสิ้นปีนี้เตรียมเปิดให้บริการโรงแรมในพื้นที่เซ็นทรัลระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสของบริษัท ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท และมีพื้นที่กว่า 135,000 ตร.ม. และโครงการมิกซ์ยูส เซ็นทรัล พหลโยธิน ซึ่งเป็นเมกะโปรเจคเช่นเดียวกัน จะมีการเปิดตัวโครงการในอนาคต
นางสาววัลยา ยังมั่นใจรายได้ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนตามเป้า