CPF ลบ 4.06% หรือลดลง 0.80 บาท มาที่ 18.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,197.56 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.08 น.จากราคาเปิด 19.70 บาท ราคาสูงสุด 19.80 บาท ราคาต่ำสุด 18.70 บาท
บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ คาดว่า ผลประกอบการบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) งวดไตรมาส 3/66 จะขาดทุนกว่า 4,281 ล้านบาท เพิ่มจาก 792 ล้านบาท ในไตรมาส 2/66 และพลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 5,108 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 ได้รับปัจจัยลบจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ลดลงทั้งสุกร (over supply และสุกรเถื่อน) และไก่ (เศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีปัญหากระทบกับปริมาณส่งออก) แม้ว่าต้นทุนการเลี้ยงจะลดลงทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลือง แต่ทาง CPF ยังมีต้นทุนราคาเดิมอยู่จึงยังไม่ได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าวมากนัก
รายได้คาดอยู่ที่ 151,667 ล้านบาท (-5%YOY) เพราะราคาเนื้อสัตว์ในประเทศลดลงแรง (สุกรลดลง 38%YoY,ไก่ลดลง 15%YOY) ส่วนการเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/66 (+1%Q0Q) ตามฤดูส่งออกและราคาสุกรที่เวียดนามที่ดีขึ้น
กำไรขั้นต้นคาดว่าจะเหลือเพียง 10.5% จาก 15% ในไตรมาส 3/65 และ11% ในไตรมาส 2/66 สาเหตุหลักจากราคาในประเทศที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 13,953 ล้านบาท -3%YOY,+1%QoQ
ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมคาดยังรับรู้ขาดทุนอีก 569 ล้านบาท จากที่รับรู้กำไร 2,294 ล้านบาท ในไตรมาส 3/65 สาเหตุหลักคือธุรกิจสุกรที่จีนยังคงขาดทุนหลังราคายังต่ำกว่าต้นทุนอยู่ (ราคาที่จีนเฉลี่ยที่ 15.8 หยวน/กก. ต้นทุนเฉลี่ย 16 หยวน/กก. แต่ดีขึ้นจากที่ขาดทุน 893 ล้านบาท ในไตรมาส 2/66 เพราะราคาสุกรที่จีนดีขึ้น (+10%Q0Q) ดอกเบี้ยจ่าย 6,173 ล้านบาท (+12%YoY,+0.25%QoQ) เพราะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/66 ปัจจัยบวกที่เห็นคือต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ที่อ่อนตัวลงจะเริ่มเห็นผลดีบ้างแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลกลับเป็นราคาสุกรที่ช่วงต้นเดือน ต.ค.มีการอ่อนตัวลงจนหลุดระดับ 60 บาท/กก. แล้วทำให้เราต้องรอดูว่าในช่วงปลายปีที่จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเข้าสู่ช่วง High Seasons ของการท่องเที่ยวจะช่วยเพิ่มความต้องการบริโภคได้มากน้อยเพียงใด หากราคาไม่ฟื้นมีโอกาสที่ผลประกอบการจะยังคงขาดทุนต่ออีกไตรมาส
สำหรับการยกเลิกการนำหุ้น CTI เข้าจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นประเทศจีน เบื้องต้นจะทำให้แผนการลดภาระหนี้อาจจะช้าลง อย่างไรก็ตาม CPF ยังอยู่ระหว่างการเตรียมนำบริษัทย่อยที่เวียดนามและไทยเข้าจดทะเบียนอยู่ ซึ่งหากทำได้จะช่วยลดภาระหนี้ที่มีลงได้
ทั้งนี้ หากผลประกอบการงวดไตรมาส 3/66 ออกมาตามที่เราคาด จะทำให้ในช่วง 9 เดือนของปี 66 CPF ขาดทุนกว่า 7,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วงไตรมาส 4/66 ยังต้องติดตามราคาเนื้อสัตว์อย่างใกล้ชิด และมีความเสี่ยงที่อาจจะขาดทุนอยู่ ทำให้เราปรับประมาณการณ์ทั้งปีลงอีกครั้ง โดยคาดว่าจะขาดทุนหนักถึง 7,640 ล้านบาท จากเดิมคาดกำไรสุทธิ 564 ล้านบาท โดยปรับราคาเฉลี่ยสุกรลงเหลือ 70 บาท/กก. จากเดิม 80 บาท/กก.ส่วนราคาไก่ปรับเหลือ 40 บาท/กก. จากระดับ 42 บาท/กก.ปี 67 ด้วยผลดีจากต้นทุนที่ลดลงทำให้เราประเมินว่าผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิได้อีกครั้ง โดยเราประเมินที่ 8,007 ล้านบาท ลดลง จากประมาณการเดิม 32% โดยปรับกำไรขั้นต้นลงจากเดิม 13.1% เหลือ 12.62% และปรับสมมติฐานราคาสุกรที่จีนเหลือ 16.5 หยวน/ กก. จาก 17.5 หยวน/กก.
สำหรับคำแนะนำการลงทุน ระยะสั้น ราคาหุ้นได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ขาดทุน กับราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่อ่อนแอโดยเรา คาดว่าราคาเนื้อสัตว์มีโอกาสจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังเทศกาลกินเจที่จะเกิดระหว่างวันที่ 16 -20 ต.ค. อย่างไรก็ตามหากมองระยะยาวเมื่อการปรับสมดุลของปริมาณสุกรในประเทศและการจัดการกับสุกรเถื่อนหมดไปมีโอกาสที่ราคาสุกรจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แรงซึ่งจะเป็นผลดีกับ CPF ได้ ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 25.5 บาท (0.9XPBV'23E)