นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทมั่นใจว่าอัตรากำไรในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น ทำให้กำไรสุทธิเติบโตได้เหนือความคาดหมาย แม้ว่าในแง่ของรายได้ทั้งปีอาจจะทำได้ไม่ถึงเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 15-20% โดยอาจจะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย เนื่องจากยอดขายในประเทศทรงตัวจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนตัวลง แต่บริษัทได้รับแรงหนุนจากต่างประเทศเข้ามาช่วยให้อัตรากำไรดีขึ้น
"แม้ว่ารายได้เราจะพลาดเป้า แต่กำไรดีขึ้นมากจากการขายสินค้ามาร์จิ้นสูง รวมถึงการส่งออกดีขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบของกลุ่ม Food coating หรือส่วนประกอบอาหารแปรรูปเป็นแนวโน้มขาลง" นายสุรนารถ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของรายได้ เชื่อว่าภาพรวมครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกจากออร์เดอร์ที่เข้ามาเพิ่มขึ้น ประกอบกับได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าที่ช่วยให้ลูกค้าของบริษัทส่งออกได้ดีขึ้น รวมถึงสินค้าที่ RBF ส่งออกเองก็ได้ประโยชน์มากขึ้นด้วย อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลงก็ส่งผลดีต่อการนำเข้า
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกราว 30% โดยตั้งเป้าภายใน 1-2 ปีจากนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากการเดินหน้าขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ฐานการผลิตในเวียดนามส่งออกสินค้าไปยังฟิลิปปินส์มากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนดีกว่าการส่งสินค้าจากไทย และในอนาคตโรงงานในอินเดียที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างที่คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 1/67 ก็จะใช้เป็นศูนย์กลางการส่งออกไปในเอเชียใต้และหาช่องทางเจาะตลาดตะวันออกกลางด้วย
นายสุรนารถ กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจในอินเดียว่า หลังจาก RBF ได้จับมือจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) และ Srinivasa Cystine Private Limited (SCPL) บริษัทในเครือ Avanti Group เพื่อส่งวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมอาหารหรือ ingredient คุณภาพสูงให้กับตลาดในประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างมาก สามารถสร้างรายได้เกินเป้า ทำให้มีการปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 100 ล้านบาท ตามการเติบโตของกลุ่ม Food coating ที่ใช้กับการแปรรูปอาหารซีฟู้ดเพื่อส่งออก และยังมองโอกาสขยายไปสู่สินค้าวัตถุแต่งกลิ่นและรส (Flavour) ด้วย
นายสุรนาถ กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปี 67 เบื้องต้นบริษัทคาดรายได้น่าจะฟื้นกลับมาเติบโตเป็น Double Digit ได้ ตามภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ขณะที่บริษัทตั้งเป้าผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้กลับมาเป็นปกติที่ 40% หลังจากปีนี้ฟื้นตัวขึ้นมาที่ 36% แล้ว เป็นผลจากการมุ่งหน้าขยายตลาดเดิม ทั้งจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์
สำหรับการลงทุน ปัจจุบันโรงงานในอินโดนีเซีย เฟส 2 เริ่มทดลองผลิตแล้ว คาดจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป และโรงงานผลิตในอินเดียก็คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนในปี 67 ก็น่าจะเข้ามาช่วยให้การขยายตลาดที่อินเดียทำได้เร็วขึ้น
https://youtu.be/nCktfAiWLR0