นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย โดยมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.8% หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% โดยภาพเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ขณะที่วันนี้ติดตามดัชนีเศรษฐกิจจีน อาทิ ผลผลิตอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก ยอดลงทุนสินทรัพย์ถาวร และ GDP คาดจะออกมาดี อิงดัชนีชี้นำ คือ BDI ที่เร่งทะลุ 2,000 จุด (MTD+15.9%)
ให้แนวต้านไว้ที่ 1,440-1,445 จุด และแนวรับ 1,428-1,420 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (17 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,997.65 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ + 0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,373.20 จุด ลดลง 0.43 จุด หรือ -0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,533.75 จุด ลดลง 34.24 จุด หรือ -0.25%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,033.81 จุด ลดลง 6.48 จุด หรือ -0.02% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,728.25 จุด ลดลง 45.09 จุด หรือ -0.25% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,076.58 จุด ลดลง 6.92 จุด หรือ -0.22%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ต.ค.66) 1,433.40 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด (+0.44%) มูลค่าซื้อขายราว 38,504.36 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 814.32 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ต.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.(17 ต.ค.) ปิดที่ 86.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ที่ 16 ต.ค
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ต.ค.) อยู่ที่ 3.33 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.38 คาดแกว่ง sideway เกาะติดสงครามอิสราเอลและฮามาส-ข้อมูลเศรษฐกิจจีน
- "เศรษฐา" เยือนจีน ร่วมประชุม BRF พบ 10 บิ๊กคอร์ปจีน ดึงลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย โชว์ "แลนด์บริดจ์" แม่เหล็กใหม่ของไทย หารือ CRRC ลงทุนระบบราง "ผิงอัน" สนลงทุนบริการประกันภัยนอกประเทศในไทย ดึง "อาลีบาบา" ขยายลงทุน Cloud Service ในไทย "เสียวหมี่" เล็งขยายผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ "ซิติก" สนลงทุน PPP Projects พลังงานสะอาด พัฒนานิคมอุตสาหกรรม
- บอร์ด กพอ. ชุดใหม่ เคาะแผนงานทำทันที 99 วัน ใน 8 ด้านสำคัญ เพื่อดึงเม็ดเงินการลงทุนเข้าประเทศ ในพื้นที่ EEC 5 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมเห็นชอบกรอบอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียม กรอบสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในโครงการ EECd
- หอการค้าไทยจับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาส เลวร้ายสุด ฉุดส่งออกไทยวูบ 1.7 แสนล้าน ลุ้นปีหน้าเข้าเป้า 3.6% รับคู่ค้าฟื้นตัวหนุนเศรษฐกิจโตแตะ 5%
*หุ้นเด่นวันนี้
- BH (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 300 บาท เราคาดกำไรไตรมาส 3/66 ลุ้นทำ New High ที่ราว 2 พันล้านบาท เติบโตแข็งแกร่งทั้ง q-q และ y-y หนุนจากการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติที่เร่งขึ้น ขณะที่ผู้ป่วยไทยได้อานิสงส์จากโรคระบาด
หากกำไรไตรมาส 3/66 ออกมาตามคาดจะทำให้ประมาณการกำไรปี 66-67 ที่ 6.8 พันล้านบาท +37% y-y และ 7.1 พันล้านบาท +5% y-y มี Upside และถูกปรับประมาณการขึ้น รวมถึงเป็นหุ้นที่ผลการดำเนินงานมั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ให้แนวรับ 253-252 บาท แนวต้าน 265-266 และ 270-272 บาท
- CPALL (ดาโอ) แนะนำ "ซื้อ" เป้าเชิงกลยุทธ์ 59.50 บาท มองว่าราคาหุ้นที่ลงมาแรงวันก่อน มีโอกาสที่จะเกิดการ rebound ในเชิงราคาหุ้น แม้ว่าจะยังมีความกังวลอยู่บ้าง ในเรื่องภาวะธุรกิจค้าปลีกในไทย ที่อิงกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ส่วนนโยบายแจกเงินของรัฐบาลมีผลบวกในเรื่องกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมากขึ้น (ชั่วคราว)
งวดไตรมาส 3/66 รายได้ธุรกิจร้าน 7-11 ชะลอจากไตรมาส 2/66 แต่ค่าใช้จ่ายจะลดลงจากไฟฟ้าที่ปรับลง ขณะที่กำไรจะดีขึ้นหลังผ่านช่วงฝนตกหนักไปแล้ว ด้าน CPAXT คาดเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก บริษัทฯ ยังคงเป้าขยายสาขาในไทยที่ 700 สาขา, กัมพูชา 100 และล่าสุดมีการเปิดสาขาแรกในลาวแล้วในเดือน ก.ย.66
- TOP (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 เด่น ที่ 10,047 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 2/66 ที่ 1,117 และไตรมาส 3/65 ที่ 12 ล้านบาท ขานรับค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดี แม้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วก็ตาม
ขณะที่ Valuation ปัจจุบันไม่แพง โดยยังคงเทรดเพียงระดับ PBV 0.65 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังในอดีตที่ 0.8 เท่า