บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) ลุ้นแจ้งงบไตรมาส 3/66 กลางเดือน พ.ย.นี้ เก็งยอดขายที่ดินแข็งแกร่ง 1,660 ไร่ใน 9 เดือนแรกของปี 66 เพิ่มขึ้น 189% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เฉพาะไตรมาส 3/66 คาดว่าจะพุ่งสูงถึง 638 ไร่ เติบโต 83% YoY และ 10% QoQ สนับสนุนจากนักลงทุนจีนจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ แผงวงจร เหล็ก แม้ยังถูกบดบังด้วยกธุรกิจโรงไฟฟ้าที่อ่อนแอ แต่เชื่อว่าจะพลิกเป็นกำไรสุทธิจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน
บล.กรุงศรี ระบุว่า แนวโน้มยอดขายที่ดินของ ROJNA น่าจะสูงกว่าประมาณการปี 66 ของเราอีกครั้ง ดังนั้น จึงปรับประมาณการยอดขายที่ดินขึ้นเป็น 2,000 ไร่ สูงสุดเป็นประวัติการนับตั้งแต่ไตรมาส 1/56
แต่การดำเนินการของโรงไฟฟ้าที่อ่อนแอเนื่องจากการปรับลดค่า Ft ล่าสุดเหลือ 0.2048 บาท/หน่วยสำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 ต่ำกว่าประกาศครั้งก่อนและที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 0.6689 บาท/หน่วย เราตั้งสมมติฐานอย่างระมัดระวังว่าค่า Ft จะทรงตัว 0.2048 บาท/หน่วยในปี 67 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 0.25 บาท/หน่วยในปี 68 เป็นต้นไป
เราคงยอดโอนที่ดินที่ 1,244 ไร่ สำหรับปี 66 และ 1,506 ไร่สำหรับปี 67 และ 1,748 ไร่ในปี 68 ถึงแม้ยอดขายที่ดินจะสูงกว่าคาดก็ตาม ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรธุรกิจหลักลง 16% เป็น 1.2 พันลบ.ปี 66, 10% เป็น 1.4 พันลบ.ปี 67 และ 11% เป็น 1.6 พันลบ.ปี 68
ขณะที่กำไรธุรกิจหลักจะฟื้นตัวจากขาดทุนใน Q3/65 เป็นกำไร 350 ล้านบาทใน Q3/66 แต่ลดลง 14% qoq กำไรเพิ่มขึ้น yoy สนับสนุนจากการโอนที่ดินสูงขึ้น (275 ไร่ใน Q3/66 เทียบกับเพียง 6 ไร่ใน Q3/66) และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้า (อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 10.2% จาก 1.5%)
ในทางกลับกัน กำไรลดลง qoq เนื่องจากไม่มีเงินปันผลจาก GULF และ FLT หากรวมผลขาดทุนทางบัญชีจากการตีมูลค่าตลาดของ GULF และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรสุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 48 ล้านบาทใน Q3/65 และขาดทุนสุทธิ 147 ล้านบาทใน Q2/66 ซึ่งจะทำให้กำไรธุรกิจหลัก 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุน 216 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 95% ของทั้งปี 66
ทั้งนี้ หุ้น ROJNA ลบ 0.75% มาอยู่ที่ 6.65 บาท ลดลง 0.05 บาท เมื่อเวลา 10.47 น.