บมจ.นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น (NAM) ผู้ผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์กลุ่มงานปราศจากเชื้อในประเทศไทย ประกาศราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 7.70 บาทต่อหุ้น พร้อมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 19-20, 24 ต.ค.66 คาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปลายเดือนต.ค.นี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ NAM ประกอบด้วย บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ลิเบอเรเตอร์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
การกำหนดราคาของหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่จะเสนอขายในครั้งนี้ จะอ้างอิงมูลค่าเชิงเปรียบเทียบกับมูลค่าของหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Market Comparable) โดยวิธี Price to Earnings Ratio : P/E Ratio โดยราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 7.70 บาท บาท คิดเป็นอัตราส่วน P/E ที่ประมาณ 20.81 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัท ในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.66) ซึ่งเท่ากับ 217.28 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 595.00 ล้านหุ้น (Pre-IPO Dilution) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 0.37 บาท
ขณะที่ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 7.70 บาท บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ) เท่ากับ 24.81 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่ 0.31 บาทต่อหุ้น หากพิจารณากำไรสุทธิต่อหุ้นที่คำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 700.00 ล้านหุ้น (Post-IPO Dilution)
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงิน จำนวน 781.70 ล้านบาท จะนำไปให้ 1. ลงทุนโครงการขยายโรงงานแห่งใหม่ จำนวน 350 ล้านบาท, 2. โครงการลงทุนพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ จำนวน 30 ล้านบาท 3. โครงการลงทุนหรือร่วมลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจเครื่องมือแพทย์ หรือมีนวัตกรรมที่ส่งเสริมการประกอบธุรกิจของบริษัท จำนวน 40 ล้านบาท และ 4. เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ จำนวน 361.70 ล้านบาท
ปัจจุบัน NAM มีผลิตภัณฑ์และบริการแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ (SM), กลุ่มผลิตและจำหน่ายวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (CS) และกลุ่มงานให้บริการ (SV) นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้วิจัยผลิตและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ที่ทำให้ปราศจากเชื้อ สำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ผ่านมาบริษัทคิดค้นและพัฒนาจนมีสิทธิบัตร (Patent) เป็นของตนเอง และยังขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมกลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ในประเทศ โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อาทิ มาตรฐาน ASME, ISO 13485, ISO9001, ISO14001, PED และ CE Mark เป็นต้น และยังได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark ประทับบนฉลากสินค้าอีกด้วย
ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ซึ่งมีสิทธิบัตรในผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง และการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ภายใต้มาตรฐานสากล ทำให้กลุ่มลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวเนื่องกับทางการแพทย์ ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานลูกค้าที่สำคัญเป็นโรงพยาบาลและหน่วยงานองค์กรทางด้านสาธารณสุขกว่า 1,200 แห่ง และสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จีน มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา และสปป.ลาว เป็นต้น
นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NAM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตแบบ Organic Growth เฉลี่ย 20% ต่อปี และมองว่าหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีโอกาสการเติบโตในรูปแบบความร่วมมือหรือสร้าง Synergy กับกลุ่มธุรกิจอื่น รวมถึงการขยายไปในอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักด้วย
บริษัทวางกลยุทธ์และแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตผ่าน 5 แนวทาง ได้แก่
1. รักษาการเติบโตของกลุ่มสินค้าและบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของฐานลูกค้าเดิมที่เคยซื้อสินค้าหรือใช้บริการอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลภาครัฐ รวมถึงเพิ่มลูกค้าในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน คลินิก หรือหน่วยงานองค์กรทางสาธารณสุขอื่นๆ ที่ยังมีสัดส่วนการซื้อสินค้าหรือใช้บริการในปริมาณน้อย
2. เพิ่มสัดส่วนการผลิตและจำหน่ายสินค้าทางการแพทย์อื่นๆ เน้นการวิจัยพัฒนาและผลิตได้เองในขอบเขตความสามารถของโรงงานในปัจจุบันและที่จะขยายเพิ่มในอนาคต เพื่อเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้าและลดต้นทุนจากการนำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบจากต่างประเทศ
3. ขยายการส่งออกสินค้าและบริการไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในต่างประเทศ โดยจัดเตรียมโครงสร้างองค์กรเพื่อมอบหมายและดูแลการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศขึ้นโดยเฉพาะ
4. มุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มธุรกิจที่นอกเหนือจากหน่วยงานหรือองค์กรทางสาธารณสุข โดยเล็งเห็นว่ากลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้สินค้าเพื่อทำให้ปราศจากเชื้อในการประกอบธุรกิจเช่นเดียวกัน
5. ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจ มุ่งเน้นการขยายศักยภาพด้านการผลิตสินค้าทางการแพทย์ที่ทันสมัยและครอบคลุมทุกความต้องการทั้งในและต่างประเทศเพื่อผลักดันให้ NAM ก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์กลุ่มงานปราศจากเชื้อระดับแนวหน้าของไทยและต่อยอดสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต
นายสุขุม โพธิสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน NAM กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 66 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวม 594.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 509.98 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 92.06 ล้านบาท เติบโต 82.31% โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 15.81% ในปี 65 เป็น 15.45% เป็นการเติบโตทั้งกลุ่มธุรกิจการขายสินค้าและกลุ่มธุรกิจการให้บริการโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเครื่องมือแพทย์มีการเติบโตทั้งด้านรายได้และอัตรากำไร เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและควบคุมการเบิกใช้วัตถุดิบตามแผนการผลิตอย่างเหมาะสม
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การที่ NAM เข้าตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและฐานะทางการเงิน เพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ ขยายโรงงานใหม่ เพิ่มขีดความสามารถการผลิตผลิตภัณฑ์ รวมถึงรองรับโครงการลงทุนหรือร่วมลงทุนในบริษัทอื่นๆ ที่ประกอบธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์หรือมีนวัตกรรมที่ส่งเสริมการประกอบธุรกิจเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนโรงพยาบาลเอกชน และรองรับความต้องการของผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการนำเสนอบริการที่มีมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล