SCL เคาะราคา IPO 1.54 บ. เปิดขาย 25-27 ต.ค. คาดเข้าเทรด mai 1 พ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 20, 2023 10:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท (SCL) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน (IPO) จำนวน 70,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.54 บาท มูลค่าเสนอขาย 107,800,000 บาท ระยะเวลาเสนอขายหุ้น วันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ทั้งนี้คาดจะเข้าตลาด mai ในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 1 พ.ย.66

มูลค่าตามราคาบัญชี (Book Value) ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2566 เท่ากับ 1.13 บาทต่อหุ้น โดยคำนวณจากมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 203.82 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญปัจจุบันก่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 180 ล้านหุ้น การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 1.54 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 13.54 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 28.62 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้เท่ากับจำนวน 250 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.11 บาท และคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 13.54 เท่า ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม จำนวน 50 ล้านบาท ภายในปี 2566 ,เงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัท จำนวน 46.22 ล้านบาท ภายในไตรมาส 2 ปี 67

SCL ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ของอีซูซุ (ISUZU) อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2512 และปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจรครอบคลุมผลิตภัณฑ์อะไหล่มากกว่า 167,000 รายการ ทั้งผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FUSO, FORD, NISSAN และ CHEVROLET นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, EXEDY, DENSO และ TOKICO

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า มั่นใจว่าภายหลังเสนอขายหุ้น IPO และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกชิ้นส่วนของรถยนต์ทั้งที่เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างครบถ้วน เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FORD, NISSAN รวมถึงอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, DENSO

ด้วยจุดเด่นที่น่าสนใจของ SCL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์อย่างครบวงจร ที่พร้อมเติบโตไปกับจำนวนรถยนต์สะสมของประเทศซึ่งมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทนชิ้นส่วนยานยนต์ที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือที่เกิดความสึกหรอตามระยะทางการใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไปที่จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่และชิ้นส่วนฯเฉลี่ยสูงกว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 5 ปีถึงร้อยละ 35

นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCL กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโตและยกระดับองค์กรสู่ความเป็นมืออาชีพในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 58 ปี โดยเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของ ISUZU การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้จึงเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตและเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินในการก้าวเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ที่ได้มาตรฐานอย่างครบวงจรโดยเงินระดมทุนที่ได้จำนวนประมาณ 107.80 ล้านบาท จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม จำนวน 50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อช่วยเสริมสร้างการเติบโต

สำหรับโครงการในอนาคตของ SCL เตรียมก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่พื้นที่คลังสินค้าประมาณ 2,000 ตร.ม. เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้น 50% โดยคาดว่าการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่จะเริ่มในปี 2567-2568 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568-2569 ช่วยสนับสนุนการให้บริการลูกค้าที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น รวมถึงรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ยังมองโอกาสหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการต่อยอดหาสินค้าและบริการ เพื่อรองรับเทรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีการขายอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้าให้กับค่ายรถยนต์บ้างแล้ว ขณะที่บริษัทฯ มีสัดส่วนยอดขายสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก EV สูงถึง 70% ทำให้บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจำกัดต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ของอุตสาหกรรมยานยนต์


แท็ก มอเตอร์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ