ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดอลล์แข็ง,น้ำมันร่วง หนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 189.87 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันดิบร่วงลงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังพอมีความหวังที่จะฟื้นตัวขึ้น โดยนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในตลาดและช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 13,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.เป็นต้นมา
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 189.87 จุด หรือ 1.48% แตะระดับ 13,010.00 จุด  ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 23.75 จุด หรือ 1.71% แตะระดับ 1,409.34 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 67.91 จุด หรือ 2.81% แตะระดับ 2,480.71 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.32 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวันพุธที่ 3.66 พันล้านหุ้น
          ท้อด ลีออง นักวิเคราะห์จากบริษัทโคเวน แอนด์ โค ในกรุงชิคาโกกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 0.4% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าจะติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง
           เฟดออกแถลงการณ์ภายหลังจากประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) อีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% และลดอัตราดอกเบี้ยประเภทมาตรฐาน (discount rate) อีก 0.25% สู่ระดับ 2.25% ว่า "เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวปานกลางในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แต่เนื่องจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอน เฟดจึงต้องจับตาดูสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง"
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอีก 94 เซนต์ แตะระดับ 112.52 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 25 เม.ย. พุ่งขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้กว่าสองเท่า
          หุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 17% หรือ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 
          ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 4.2% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ทะยานขึ้น 4.9% และหุ้นเจพีมอร์แกน ดีดขึ้น 3.4%