โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) จากราคาหุ้นปรับลงมามากตอบรับความกังวลโรงงานใหม่ในเวียดนามผลิตเบนโตะล่าช้า ส่งผลให้ Valuation ไม่แพง ขณะที่คาดว่าในไตรมาส 4/66 สายการผลิตเบนโตะในเวียดนามน่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้เต็มไตรมาส ผลักดันผลประกอบการปี 66 ทำ New High และเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ราคาหุ้น SNNP ปิดเช้าวันนี้ (24 ต.ค.) มาที่ 17.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+1.17%)
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น SNNP ปรับลงไป 20% สะท้อนความกังวลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในเวียดนาม รวมถึงความล่าช้าของโรงงานและการผลิตส่งผลให้เกิด Downside ต่อประมาณการ เรามองการเติบโตของปี 67 ต้องได้รับปัจจัยหนุนจากเวียดนามขณะที่ในประเทศเติบโตจำกัดหากขาดสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับดี เช่น Jele Chewy ในอดีต ดังนั้น แนะนำ "ทยอยสะสม" ด้วยสมมติฐาน PER ที่ 32.4 เท่า (-05SD) ราคาเป้าหมายปี 67 เท่ากับ 24.80 บาทต่อหุ้น
ทิศทางผลประกอบการของไตรมาส 3/66 มีโอกาสได้รับผลกระทบจากยอดขายที่อ่อนแอในต่างประเทศและกำลังการผลิตของโรงงานใหม่ในประเทศเวียดนามที่ต่ำกว่าเป้า โดยแผนการผลิตโรงงานใหม่ในประเทศเวียดนามมีความล่าช้าประมาณ 1 ไตรมาสจากการติดตั้งสายการผลิตของกลุ่ม Bento จำนวน 2 ไลน์การผลิต คาดว่าจะติดตั้งครบในช่วงเดือนตุลาคม ขณะที่กลุ่ม Jele อยู่ในช่วงของการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ต้นปี 67
แม้ผลประกอบการของไตรมาส 3/66 น่าจะทำจุดสูงสุดได้และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/66 แต่เป็นระดับการเติบโตที่ต่ำกว่าคาดด้วยยอดขายที่เติบโตต่ำและกำลังการผลิตและยอดขายจากโรงงานใหม่ในเวียดนามต่ำกว่าเป้า ดังนั้น เรามีการปรับประมาณการรายได้ปี 66 และ 67 ลง 2.7% และ 3.1% ตามลำดับ หลังจากปรับแล้วคาดว่า SNNP ยังมีรายได้ New High ในปี 66 ที่ 6,090 ล้านบาท (+10% YoY) และกำไรสุทธิเท่ากับ 651 ล้านบาท (+26% YoY) ลดลงจากประมาณการเดิม 6% แต่ยังเป็น New High บนฐานของ Gross Margin ที่ 28.3%
นายธีร์ธนัตถ์ จินดารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 คาดทำ New High ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า แม้ว่าในไตรมาส 3 เป็นช่วง Low season แต่ SNNP เพิ่งเข้าไปในตลาดเวียดนามจึงยังมีโอกาสเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ส่วนไตรมาส 4/66 เป็นช่วงที่สายการผลิตของ Bento ทำงานเต็มกำลังการผลิต รวมทั้งปัจจัยฤดูกาลในไตรมาส 4/66 ทำให้เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้
ก่อนหน้านี้ SNNP ตั้งเป้ายอดขายเวียดนาม 1,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้ปรับลงมาเหลือ 800 ล้านบาท ตาม Guidance 9 เดือนแรกปี 66 น่าจะทำได้ประมาณ 500 ล้านบาท ไตรมาส 4/66 ต้องทำให้ได้ถึง 300 ล้านบาทจะได้ตามเป้าที่ปรับลงมา อย่างไรก็ตาม เราประมาณการยอดขาย 750 ล้านบาท ดังนั้น ส่วนที่ปรับเป้าลงอยู่ในประมาณการของเราแล้ว และความล่าช้าในการติดตั้งสายการผลิตในเวียดนาม เนื่องจาก SNNP รอดูทิศทางเศรษฐกิจในเวียดนาม ซึ่งการที่เดินหน้าผลิตต่อสะท้อนว่า SNNP เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศเวียดนามแล้ว
ทั้งนี้ กำไรทั้งปี 66 คาดว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่ เพราะว่า SNNP ทำกำไร New High มาตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เพียงแต่ว่าราคาหุ้นอาจจะถูกคาดหวังยอดขายจากเวียดนามมากเกินไปจึงปรับตัวลงแรงในช่วงนี้ นอกจากนี้ยอดขายในเวียดนามได้รับผลกระทบจากการติดตั้งช้า ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกันสถานการณ์บริโภคในประเทศ ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้จากยอดขายในเวียดนามและคาดว่าจะมีการเติบโตจากประเทศใหม่ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทั้งการบริโภคในประเทศและต่างประเทศ หากไม่ดีตามคาดถือเป็นความเสี่ยง แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นการปรับ Valuation หุ้นที่ P/E สูงในอดีต ขณะที่หุ้นตัวอื่นในกลุ่มปรับตัวลงมาในราคาที่ไม่แพง SNNP จึงถูก De-Rating Valuation ลงมา แต่ด้วยภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง ราคาปัจจุบันซื้อได้แต่ยังไม่ใช่เวลาเข้าลงทุนที่ดีที่สุด เป็นลักษณะของการทยอยสะสมหรือรอดัชนีอยู่ที่ประมาณ 1,400 จุด ค่อยเข้ามาสะสม
ด้าน บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงาน SNNP ไตรมาส 3/66 คาดจะเติบโตไม่ได้มากจากยอดขายที่โตเบาลง ทำให้ตลาดเริ่มผิดหวัง โดยคาดยอดขายรวมคาดไว้ที่ 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 2.9% QoQ โดยยอดขายในประเทศคาดจะเติบโต YoY แต่ทรงตัว QoQ ส่วนยอดขายในประเทศ คาดโตเพียงหลักเดียว YoY แต่ QoQ ยังขยายตัวได้ 2 หลัก โดยเวียดนามยังโตได้แม้จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลงก็ตาม
แม้เราคาดว่าการดำเนินงานของ SNNP ปีนี้จะยังเติบโตได้ระดับ 2 หลัก แต่อัตราเร่งอาจไม่มากอย่างที่ตลาดและเราเคยคาดที่ +29.3% YoY ดังนั้น จึงปรับประมาณการกำไรปี 67 ลง 8.3% เป็น 782 ล้านบาท เติบโต 17.2% YoY และได้ roll-over ไปใช้ราคาเหมาะสมปีหน้า อิง P/E เป้าหมายที่ลดลงจาก 36.1 เท่า มาเป็น 28.0 เท่า จากอัตราการเติบโตที่ไม่ร้อนแรงเหมือนก่อนหน้า ได้ราคาเหมาะสมใหม่ 22.80 บาทต่อหุ้น ลดลง 13.9%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย เคจีไอ Outperform 27.00 อินโนเวสท์ เอกซ์ Buy on Weakness 24.80 บัวหลวง ซื้อ 26.00 ลิเบอเรเตอร์ ซื้อ 22.80 ทิสโก้ ซื้อ 25.00 ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 26.50 กสิกรไทย Outperform 27.70 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 21.00