นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดแถลงข่าวด่วนในช่วงเย็นวันนี้หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ดิ่งหนักไปถึง 30 จุด หรือ 2.17% โดยยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่าตลาดหุ้นหลายประเทศ แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และภูมิภาค ขณะที่ไม่ได้พบความผิดปกติในการซื้อขายวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นช็อตเซล หรือ Prop Trade โดยมองว่าสาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอก ดังนั้น จึงเชื่อว่าหากปัจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางคลี่คลายลง ก็จะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมาได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศไม่ได้มีปัญหา จึงขอร้องให้พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ให้รอบคอบ
ส่วนเงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลออกไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น
นายภากร กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -16% นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค และตลาดหุ้นทั่วโลก จากปัจจัยภายนอกประเทศกดดัน แต่ก็ไม่ได้ปรับลงทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยกลุ่ม BANK ปรับตัวลง -1.73%, FASHION -3.69%, HELTA -4.35%, PROF +21.33%, TECH -6.34%, ETRON -3.63%, ICT -8.45%
ขณะที่ Fund Flow ในปี 65 มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสูงถึง 2 แสนล้านบาท สวนทางกับปี 66 ที่นับตั้งแต่ต้นปี (YTD) มีเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยไปแล้ว 1.7 แสนล้านบาท แต่ที่น่าสนใจ คือ ปริมาณการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ โดย Foreign Holding ต้นปี 66 อยู่ที่ 29.98% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 29.31% แม้ว่ามูลค่าจะลดลงจากเดือนพ.ย.65 ที่อยู่ 5.75 ล้านล้านบาท สู่ระดับ 5.02 ล้านล้านบาทในเดือน ต.ค.66 สะท้อนว่านักลงทุนระยะสั้นขายออก แต่ผู้ถือลงทุนในระยะยาวไม่ได้ลดลง โดยกลุ่มอุสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติถือครองลดลง ได้แก่ ทรัพยากร (Resources), Industrials, Agri&Food Industry, Consumer Products เป็นต้น
"สภาวะตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป รวมถึงเอเชียแปซิฟิก ก็ลงเกิน 1% แต่เกาหลีใต้ลงมาสุด 2.84% สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ตลาดหุ้นไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งในช่วงนี้เราอาจพบกับเหตุการณ์แบบนี้ได้บ่อย จากปัจจัยภายนอกที่ยังไม่สงบนิ่ง จึงแนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ดูข้อมูลให้ดี ลองวิเคราะห์ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน" นายภากร กล่าว
สำหรับการทำ Short Sell หุ้น หรือ Prop Trade ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมามากในวันนี้ และยังไม่พบความผิดปกติ โดยอัตราส่วนการ Short Sell อยู่ที่ 11.34% ไม่แตกต่างจากระดับปกติที่ไม่เกิน 12% ส่วน Prop Trade อยู่ที่ 36% อยู่ในช่วงปกติ 30-38% ส่วนปัญหาการตกแต่งบัญชีของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงเช่นกัน โดยมองเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดได้ทั่วโลก แต่ไม่ได้มีสัดส่วนที่มากจนทำให้ภาพรวมตลาดแย่
นายภากร กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยหากไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามากดดัน ยังมีจุดเด่นจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับต่ำ ความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ที่ยังปล่อยกู้ได้อีกมาก แต่อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของหนี้ภาคครัวเรือนเล็กน้อย ขณะเดียวกันไทย ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยวและส่งออก หากกลับมาได้เร็วจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยโตก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวให้ไวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงและสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ลงทุน