HILITE: SCC ลบ 0.70% กำไร Q3/66 ต่ำคาด-แนวโน้ม Q4/66 อ่อนตัว แต่ Downside จำกัด-PBV ใกล้โลว์สุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 27, 2023 14:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SCC ปิดภาคเช้าลบ 0.70% หรือ ลดลง 2.00 บาท มาที่ 285.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 134.44 ล้านบาท จากราคาเปิด 288.00 บาท ราคาสูงสุด 288.00 บาท ราคาต่ำสุด 285.00 บาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานกำไรไตรมาส 3/66 ลดลงเหลือเพียง 2.4 พันล้านบาท Flat YoY, +70% QoQ ลดลงมากกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ ซึ่งมาจากมีการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค ถ้าไม่นับรวมรายการดังกล่าวกำไรปกติอยู่ราว 3 พันล้านบาทใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้

1.ธุรกิจซีเมนต์และก่อสร้างมี EBITDA ลดลงเหลือ 3.4 พันล้านบาท -19% YoY, -32% QoQ มาจากตลาดทั้งเวียดนามและกัมพูชาที่ไม่ฟื้นตัว และมีผลจากการขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์ราว 500 ล้านบาท

2.ธุรกิจปิโตรเคมีมี Operating EBITDA 2.7 พันล้านบาท ดีขึ้นจาก 3Q22 ที่เป็นขาดทุน และ +2% QoQ โดยปริมาณขาย PE และ PP ในไตรมาส อยู่ที่ 4.5 แสนตัน +7% YoY, +8% QoQ ในขณะที่ส่วนต่างราคาปรับลดลง 12%-19% จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น

แนวโน้มไตรมาส 4/66 อาจจะยังอ่อนตัว QoQ ได้อีกจากมีการปิดซ่อมบำรุงโรง ROC ราว 40-45 วัน จะส่งผลต่อปริมาณขายที่จะลดลง รวมถึง Spread ปิโตรเคมีที่ยังอ่อนแอ ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรทั้งปีที่ 3.1 หมื่นล้านบาท สำหรับ 9M23 บริษัทมีกำไรรวม 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคาดว่ากำไรในไตรมาสสุดท้ายน่าจะอยู่ราว 2-3 พันล้านบาท จาก Spread ปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับต่ำ และมีการปิดซ่อมบำรุง

คงราคาเป้าหมายที่ 325 บาทอิง PBV ที่ 1 เท่า คงคำแนะนำ Trading Buy ใน 3 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น SCC ปรับลดลงไปกว่า -8% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดที่ปรับลดลง -8% เช่นกัน เรามองว่าตลาดรับรู้แนวโน้มของผลประกอบการที่จะยังไม่ฟื้นตัวไปแล้ว ราคาหุ้นปัจจุบัน Downside ค่อนข้างที่จะจำกัด PBV ปัจจุบันต่ำเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ Subprime Crisis ในปี 2008 ที่ PBV ของ SCC อยู่ต่ำเพียง 0.70 เท่า

ขณะที่ บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SCC ประกาศงบไตรมาส 3/66 กำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท (-70% Q0Q และทรงตัว YoY) ต่ำกว่าที่เราคาด 9% และตลาดคาด 24% เพราะมีรายการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่อยู่ในคาดการณ์ แต่กำไรปกติทำได้ 2.3 พันล้นบาท ดีกว่าเราคาด แต่ต่ำกว่าตลาดคาดและภาพรวมอ่อนแอ -67% Q0Q และ -27% YOY จากปัจจัยมหภาคเปราะบาง, ราคาน้ำมันสูง, อุปทานปิโตรเคมีใหม่เข้าสู่ตลาด, อุปสงค์วัสดุก่อสร้างในอาเซียนอ่อนแอ

ทั้งนี้ ปรับกำไรปี 66-67 ลง 9-11% เป็น 3.0 หมื่นล้านบาท และ 3.1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ประเมินราคาเหมาะสมใหม่ 345.00 บาท แต่คงคำแนะนำ "ซื้อ" จาก Upside Gain สูง และราคาหุ้นมี Valuation ไม่แพง (PBV ต่ำกว่า -2.0 SD)

แต่เชิงกลยุทธ์ยังไม่ต้องรีบเข้าซื้อ เพราะไม่มี Catalyst บวกระยะสั้น เนื่องจากงบไตรมาส 3/66 ต่ำกว่าคาด, แนวโน้มไตรมาส 4/66 ยังไม่ฟื้นอย่างมีสาระสำคัญเพราะเป็นช่วงปิดซ่อมใหญ่ 45 วัน, ความเสี่ยงราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ตลาดมีโอกาสปรับลดคาดการณ์ลงอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ