นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อรสิริน โฮลดิ้ง (ORN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจที่จะนำหุ้น ORN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ แม้กระแสหุ้น IPO ช่วงนี้จะไม่ค่อยดี แต่เชื่อว่าหุ้น ORN พอจะก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ไปอย่างสบาย และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากการตั้งราคาเสนอขาย IPO ที่ 1.49 บาท เหมาะสมกับบรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ และมีการกระจายหุ้นให้ผู้ลงทุนจำนวนมาก ขณะที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ต้องการถือลงทุนยาวเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคตจากแผนขยายธุรกิจ โดยบริษัทเชื่อว่าผลประกอบการในปี 67-68 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามกำหนดการรับรู้รายได้จากยอดโอนโครงการในมือ
"เรามั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีโอกาสเติบโตทั้งด้านฐานะการเงิน และผลการดำเนินงาน รวมถึงมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ของเชียงใหม่มานานกว่า 17 ปี"นายบุญเลิศ กล่าว
หลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเม็ดเงินที่ได้มาเป็นเงินทุนในการลงทุนซื้อที่ดิน ที่มีศักยภาพสำหรับนำไปพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและส่งผลให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจ สร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างการเติบโตได้ตามแผนที่บริษัทได้วางไว้
"บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้วางแผนการเปิดโครงการใหม่ให้สอดรับกับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ส่งผลให้มีสินค้าสำเร็จรูปพร้อมขายพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง รักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้ ขณะเดียวกันยังมีความพร้อมในการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อขยายธุรกิจในทุกรูปแบบ สร้างโอกาสเติบโตสู่จังหวัดใกล้เคียงและภูมิภาคอื่นอย่างแข็งแกร่ง" นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN กล่าวเสริม
ปัจจุบัน ORN มีที่ดินรอการพัฒนา (Land Bank) ในทำเลศักยภาพของเชียงใหม่ที่จะรองรับการเติบโตไปถึงปี 68 มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ทั้งหมด 9 โครงการ เป็นแนวราบ 6 โครงการและแนวสูง 3 โครงการ ขณะที่ที่ดินอีก 600-700 ไร่ที่บริษัทได้บันทึกต้นทุนไว้เมื่อ 30 ปีก่อนในราคาตารางวาละ 300 บาท ขณะนี้ราคาประเมินสูงไปถึง 2,108.01 ล้านบาท หรือสูงขึ้นจากที่บันทึกไว้ราว 1,340 ล้านบาท ยังไม่รวมโครงการในพื้นที่ภูเก็ตที่อยู่ระหว่างการวางแผนร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหญ่อย่าง บมจ.ดุสิตธานี (DUSIT)
นายบุญเลิศ กล่าวอีกว่า ORN ได้ร่วมทำ MOU กับ DUSIT เพื่อพัฒนาโครงการใน จ.ภูเก็ต เป็นทำเลนอกจังหวัดเชียงใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ 3 เฟส เฟสแรกคาดว่าจะมีมูลค่าโครงการราว 2 พันล้านบาท แต่ละเฟสเป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ที่จะมีทั้งคอนโดมิเนียม โรงแรม และ Community Mall ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของการสร้างรายได้ประจำให้กับบริษัทเป็นครั้งแรก รวมทั้งเตรียมแผนพัฒนา Community Mall ในพื้นที่หลายโครงการใน จ.เชียงใหม่ด้วย นอกจากนั้นยังศึกษาการพัฒนาโครงการในจังหวัดอื่น ๆ รวมถึงเขตชานเมืองของกทม.ด้วย
"การขยายไปในพื้นที่ภูเก็ต บริษัทมีความต้องการสร้างให้โครงการดังกล่าวเป็นรายได้ Recurring Income บริษัทมีนโยบายในการนำพื้นที่ดินด้านหน้าโครงการทำเป็น Community Mall อีกหลาย ๆ จุด ซึ่งการขยายพื้นที่ในภูเก็ตจะเป็นการสร้างความเสถียรในการจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนได้ ในอนาคตบริษัทมีแผนจะขยายโครงการที่กรุงเทพฯ เราดูพื้นที่ชานเมืองที่ยังขาดบ้าน ออฟฟิศ และทาวน์โฮม สำรวจที่ดินไว้แล้วอยู่ระหว่างรอข้อสรุป" นายบุญเลิศ กล่าว
สำหรับภาพรวมการเติบโตในปี 66 บริษัทมั่นใจเติบโตใกล้เคียงกับปี 65 ที่มีรายได้ 1,534.34 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3/66 มีโครงการที่โอนให้กับลูกค้าราว 600 ล้านบาท แต่ในปี 67-68 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามกำหนดรับรู้ยอดโอนโครงการต่าง ๆ ในมือ 9 โครงการที่จะเริ่มทยอยตั้งแต่ต้นปีหน้า และปี 68 จะรับรู้รายได้คอนโดมิเนียมเข้ามามาก โดยขณะนี้โครงการพร้อมขายในมือ 3,000 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า เชื่อว่า ORN จะเป็นหุ้นไอพีโอที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากจุดเด่นการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความเชี่ยวชาญในโครงการทุกรูปแบบ สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับกลาง-ระดับบน มีฐานลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะโครงการแนวสูง ที่มียอดขาย Foreign Quota เต็มทุกโครงการ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็วภายหลังเปิดตัวโครงการ อีกทั้งยังมีที่ดินในมือกว่า 600 ไร่ ราคาประเมินสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีกว่า 1,340 ล้านบาท ขณะที่มีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง แนวโน้มกำไรเติบโตทุกปี และมี D/E ต่ำเพียง 0.77 เท่า จึงมั่นใจว่า ORN จะมีโอกาสขยายธุรกิจอีกมากหลังระดมทุน